80% ขององค์กรทั่วโลกใช้ AI ในกระบวนการ HR ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และ 70% ของพนักงานคาดหวังแผนพัฒนาอาชีพแบบ Personalized ที่ออกแบบด้วย AI

AI ไม่ได้แค่เปลี่ยน “วิธีทำงาน” แต่เปลี่ยน “นิยามของการทำงาน” บทบาท HR จึงเปลี่ยนจากการสรรหาและฝึกอบรม ไปสู่การ “ออกแบบกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านองค์กร” ให้ทันอนาคต

แล้วองค์กรคุณล่ะ พร้อมแค่ไหน? มาดูกันว่า HR กำลังเผชิญ 3 Pain Points สำคัญ อะไรบ้าง

เจาะ 3 Pain Points ที่ HR ต้องเร่งจัดการก่อนจะถูก Disrupt

1. Personalization – แผนการเรียนรู้ยังไม่ตอบโจทย์รายบุคคล
แม้จะมีการพูดถึง “Learning Experience แบบเฉพาะตัว” แต่จริง ๆ แล้วมีเพียง 10% ขององค์กร ที่ออกแบบให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลจริง ๆ

ขณะที่ 70% ของพนักงาน เริ่มคาดหวังว่าจะได้รับ AI-driven career development plan ที่ตรงเป้าหมายตัวเอง

2. Impact Measurement – วัดผลลัพธ์ไม่ได้จนถูกตั้งคำถาม
แม้ 50% ขององค์กร ใช้ AI ใน Training & Development แต่กลับมีเพียง 8% ของผู้เชี่ยวชาญ L&D (Learning & Development) ที่มั่นใจว่าสามารถวัด “ผลกระทบทางธุรกิจ” ได้จริง เช่น ROI หรือพฤติกรรมพนักงานที่เปลี่ยนไปอย่างเป็นรูปธรรม

ปัญหานี้ทำให้ผู้บริหารตั้งคำถามต่อการลงทุนด้าน Learning และความเชื่อมั่นในระยะยาว

3. Enabling Ecosystem – ไม่มีระบบสนับสนุนการเรียนรู้ต่อเนื่อง
การ Reskill ต้องการ โครงสร้าง วัฒนธรรม และระบบเชื่อมโยงกับงานจริง ไม่ใช่แค่ Learning platform ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 17% ขององค์กร ที่มี Ecosystem สนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น
▪️ Learning in the flow of work – เรียนรู้ในจังหวะการทำงาน
▪️ ระบบวัดผลลัพธ์
▪️ ชุมชนผู้เรียน
▪️ เทคโนโลยีเอื้อให้เกิดความยืดหยุ่น

Reskill at Scale: แนวทางฝ่าวิกฤต 3 พื้นฐาน เริ่มจากสิ่งนี้

1. วางกลยุทธ์ระดับองค์กร (Reskilling as a Strategic Imperative)

Reskill ไม่ใช่แค่หน้าที่ HR แต่เป็นภารกิจของทั้งองค์กร ผู้นำและผู้จัดการทุกระดับต้องร่วมกันสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ และบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)

มีข้อมูลกล่าวว่า
▪️ 92% ขององค์กรทั่วโลก วางแผนลงทุน AI ใน 3 ปีข้างหน้า
▪️ 47% ของ C-level เชื่อว่าองค์กรปรับตัวช้าเกินไป

2. กำหนดทักษะที่ใช่สำหรับอนาคต (Right Competencies & Skills)
การ Reskill ที่ได้ผลต้องไม่อิงจากความรู้สึกหรือการคาดเดา ต้องอิงกับทิศทางธุรกิจและบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออนาคตจริง ๆ เช่น ทักษะที่ตอบโจทย์ Digital Transformation และ Cross-functional Collaboration

โดยในปี 2025 คาดว่า 50% ของพนักงาน จะใช้ AI-driven coaching tools ในการพัฒนาอาชีพมากขึ้น

3. ระบบสนับสนุนที่ยั่งยืน (Systematic Approach Enabled by Ecosystem)
Reskill ต้องเกิดขึ้นระหว่างการทำงานจริง มีระบบสนับสนุน เช่น
▪️ Personalized learning
▪️ Automation
▪️ Peer community
▪️ ระบบวัดผลที่แม่นยำ

โดยเฉพาะในยุคที่ AI-powered learning tools เพิ่มการจดจำเนื้อหา 60% และ AI-driven coaching เพิ่ม productivity 35%หากองค์กรไม่ออกแบบระบบให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง อาจพลาดโอกาสในการเร่งการเปลี่ยนแปลงภายในให้เกิดขึ้นจริง

องค์กรชั้นนำทำอะไรไปแล้วบ้าง

▪️ 50% ขององค์กรทั่วโลก ใช้ AI ใน Training & Development แล้ว
▪️ AI-powered learning tools ช่วยเพิ่มการจดจำเนื้อหา 60% และ เพิ่ม engagement 72%
▪️ 80% ของพนักงาน รู้สึก engage มากขึ้นเมื่อองค์กรใช้ AI ใน HR
▪️ Personalized AI career pathing ช่วยเพิ่ม retention 20%
▪️ AI-powered internal mobility tools ลดอัตราการลาออก 35%
▪️ AI-based wellness program ลดความเครียดพนักงานได้ถึง 25%

อย่ารอให้พนักงานหมดไฟ แล้วค่อยเริ่ม Reskill

ในยุคที่ AI transform การทำงานทุกวัน องค์กรที่ปรับตัวไม่ทัน ไม่ใช่แค่เสียโอกาสทางธุรกิจ แต่อาจสูญเสียคนเก่ง ที่อยากเติบโตและใช้ศักยภาพเต็มที่

การเริ่มต้นวางรากฐานที่ถูกต้อง คือ ก้าวสำคัญสู่การ Reskill อย่างยั่งยืน

องค์กรที่ต้องการ Reskill พนักงานให้พร้อมรับมือกับยุค AI-Disruption ที่พร้อมจะ “แทนที่งาน” ได้ทุกเวลา สนใจยกระดับองค์กรด้วย Corporate In-House Training จาก TDA ที่พร้อมออกแบบหลักสูตรเฉพาะ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Reskilling ที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและคน ด้วย AI-People Enablement Solutions สามารถติดต่อได้ที่ [email protected] หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)

——

Sources:
https://www.truedigitalacademy.com/blog/reskilling-at-scale-future-proofing-your-workforce
https://hirebee.ai/blog/ai-in-hr-statistics/#:~:text=As%20of%202025%2C%20it’s%20expected,AI%20to%20optimize%20HR%20processes
https://www.leapsome.com/blog/ai-and-human-resources

——