18 เดือนนับถอยหลัง! ถ้าองค์กรยังไม่ Reskill วันนี้ อนาคตอาจไม่เหลือใครที่ “ใช่”

18 เดือนนับถอยหลัง! ถ้าองค์กรยังไม่ Reskill วันนี้ อนาคตอาจไม่เหลือใครที่ “ใช่”

Business

5 นาที

18 มิ.ย. 2025

แชร์

สรุป 15 สาระสำคัญจาก session “Reskilling at Scale: Future-Proofing your Workforce for 2025 and beyond” โดย ดร.ชนนิกานต์ จิรา Head of True Digital Academy จากงาน #HRTech2025 THAILAND HR TECH Conference & Exposition 2025

จะทำอย่างไรเมื่อองค์กรต้องเผชิญกับ The World of Disruption


1. AI Disruption กำลังเปลี่ยนแปลงขีดความสามารถและการเติบโตขององค์กรในทุกด้าน
ทำให้ HR ต้องเร่งปรับตัว โดยการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้บุคลากร คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล

2. ภายในปี 2025 ทักษะหลักที่จำเป็นในการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปมากถึง 40%
จากรายงานหลายฉบับ รวมถึงรายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum พบว่า ภายในปี 2025 ทักษะหลักที่จำเป็นในการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปมากถึง 40% สาเหตุหลักมาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี การนำระบบอัตโนมัติ และ AI มาใช้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น

3. พนักงานทั่วโลกกว่า 50% จะต้องเข้าสู่กระบวนการ reskilling ภายในปี 2025
นอกจากนี้ World Economic Forum ยังคาดการณ์อีกว่า พนักงานทั่วโลกกว่า 50% จะต้องเข้าสู่กระบวนการ reskilling ภายในปี 2025 เพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และตอบสนองต่อทักษะใหม่ที่ตลาดแรงงานต้องการ

4. 87% ขององค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญ หรือคาดว่าจะเผชิญกับ “ช่องว่างทางทักษะ” อย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลของ McKinsey & Company ซึ่งเป็นความไม่สอดคล้องกันระหว่างทักษะที่นายจ้างต้องการ กับทักษะที่พนักงานมีอยู่ในปัจจุบัน

5. ทักษะทั่วไปในตลาดแรงงานปัจจุบันมี “อายุการใช้งาน” เฉลี่ยประมาณ 2.5 ปี ขณะที่ทักษะด้านเทคนิคอาจมีอายุการใช้งานสั้นไม่ถึง 18 เดือน
นั่นหมายความว่า สิ่งที่ถือว่า “ทันสมัย” หรือ cutting-edge ในวันนี้ อาจล้าสมัยภายในเวลาเพียง 1-2 ปี ส่งผลให้การเรียนรู้ การพัฒนาทักษะใหม่ (upskilling) และการปรับเปลี่ยนทักษะเดิม (reskilling) อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานอย่างยั่งยืนในยุคปัจจุบัน

ความท้าทายที่ HR ต้องเผชิญ

6. 3 ความท้าทายสำคัญที่ HR และทีมพัฒนาบุคลากรยังต้องเผชิญ

🔹 Personalization – แผนการเรียนรู้ยังไม่ตอบโจทย์รายบุคคล
แม้ความต้องการเรียนรู้จะแตกต่างกันในแต่ละคน แต่มีเพียง 10% ขององค์กร เท่านั้นที่ระบุว่า กลยุทธ์การเรียนรู้ของตนมีการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงานแต่ละคนอย่างแท้จริง

🔹 Impact Measurement – ยังวัดผลลัพธ์ของการเรียนรู้ได้ไม่ชัดเจน
มีเพียง 8% ของผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้และพัฒนา (L&D) ที่มั่นใจว่าสามารถวัด “ผลกระทบทางธุรกิจ” จากการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🔹 Enabling Ecosystem – ขาดระบบสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
การ reskill อย่างต่อเนื่องต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเรียนรู้ แต่มีเพียง 17% ขององค์กร เท่านั้นที่ระบุว่ามีโครงสร้างและวัฒนธรรมที่สนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องได้จริง

7. HR จึงต้องปรับบทบาท จาก “Training” สู่ “Systematic Transformation”
การ Reskill ไม่ควรหยุดอยู่แค่การจัดอบรมเป็นครั้งคราวอีกต่อไป แต่ต้องออกแบบให้เป็นระบบที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายทางธุรกิจ รองรับความต้องการที่หลากหลายของพนักงาน ฝังอยู่ในกระบวนการทำงานจริง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Systematic & Continuous Intervention) เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในองค์กรอย่างแท้จริง

3 พื้นฐานสำคัญของการ Reskilling at Scale ในระดับองค์กร


8. สามพื้นฐานสำคัญของการ Reskilling at Scale ในระดับองค์กร ได้แก่

🔹 Reskilling คือกลยุทธ์องค์กร ไม่ใช่แค่หน้าที่ของ HR
การพัฒนาและยกระดับทักษะต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งองค์กร ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่ในบทบาทของ HR เท่านั้น ผู้นำและผู้จัดการทุกระดับต้องมีส่วนร่วม และต้องมีการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) อย่างเป็นระบบ

🔹 กำหนดทักษะที่ใช่สำหรับอนาคตที่องค์กรต้องการ
การ Reskill จะเกิดผลได้จริง องค์กรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับทิศทางธุรกิจในอนาคต หากไม่มีความชัดเจน การเรียนรู้จะกลายเป็นเพียงการตอบสนองเฉพาะหน้า (Reactive Learning) การกำหนดบทบาทหน้าที่ (Role-based Clarity) ช่วยให้สามารถวางแผนและจัดลำดับความสำคัญของทักษะที่จำเป็นได้อย่างแม่นยำ

🔹 วางระบบอย่างเป็นขั้นตอน พร้อม Ecosystem ที่สนับสนุน
การ Reskill ต้องออกแบบให้เป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีโครงสร้างชัดเจน เชื่อมโยงกับบทบาทงานจริง และเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน (Learning in the flow of work) โดยต้องมี Ecosystem ที่ช่วยสนับสนุน เช่น ระบบอัตโนมัติ การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ชุมชนผู้เรียน (Learner Community) และระบบวัดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ

9. องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยทักษะ (Skills-Based Organizations) มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างชัดเจน
จากรายงาน Navigating the End of Jobs โดย Deloitte พบว่า องค์กรที่ปรับใช้แนวคิด Skills-Based สามารถจัดวางบุคลากรให้ตรงกับงานได้ดีขึ้นถึง 107% และมีแนวโน้มที่จะรักษาพนักงานที่มีผลงานโดดเด่น (High Performers) ได้มากขึ้นถึง 98% เมื่อเทียบกับองค์กรทั่วไป

กรณีศึกษาจากองค์กรระดับโลก

10. “Johnson & Johnson”
ใช้ AI สร้าง Skill Graph เชื่อมโยงคนกับโอกาส ระบบ AI ช่วยมองเห็นทักษะแบบเรียลไทม์ วางแผน Reskill ได้แม่นยำ พร้อมเส้นทางเรียนรู้และ Feedback ส่งเสริมการเติบโตในบทบาท

11. “Siemens”
ปิดช่องว่างทักษะ Smart Manufacturing ภายใน 5 สัปดาห์ โดยการพัฒนา talent ภายในเชื่อมโยงกับเส้นทางการเรียนรู้แบบมีโครงสร้าง โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน เริ่มจากคลาส (Digital Class & Simulations) → ปฏิบัติจริง (Hands-on Labs) → ใช้งานในงานจริง (Shadowing & Applied Project) ปัจจุบันโมเดลนี้กำลังขยายสู่โรงงานอื่น ๆ ของ Siemens

12. “AT&T”
บริษัทข้ามชาติด้านโทรคมนาคมของสหรัฐ ที่ Reskill คนในองค์กรไปแล้วกว่า 280,000 คน กับเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อวางแผนอาชีพใหม่ให้พนักงาน โดยใช้ AI วิเคราะห์ Skill Gap จับคู่บทบาทเป้าหมายกับแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสม ลดการจ้างจากภายนอก

Soft Skills ไม่ใช่แค่การ Reskill ทางเทคนิค แต่มีผลต่อองค์กรในระยะยาว


13. จากผลสำรวจของ McKinsey เรื่อง AI ในที่ทำงานปี 2025 พบว่า มากกว่า 80% ของผู้บริหารเห็นตรงกันว่า การพัฒนาทักษะด้าน soft skills และการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ (mindset shifts) ไม่ใช่แค่การ Reskill ทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงบุคลากรในระยะยาวขององค์กร

14. ทำให้ส่วนประกอบสำคัญของการทำ AI Enablement ประกอบด้วย Solution Expertise ได้แก่ การใช้กรณีศึกษา (use cases), การวิเคราะห์ด้วย prompting, และการปรับปรุงกระบวนการ (process optimization) ควบคู่ไปกับ ปัญญามนุษย์ ที่ครอบคลุมทักษะการคิด (thinking skills) และทักษะระหว่างบุคคล (interpersonal skills)

AI Readiness Journey 6 ขั้นตอน

15. ตัวอย่างเส้นทางเตรียมความพร้อมองค์กรสู่ยุค AI Business อย่างเป็นระบบ ได้แก่

1. Executive Alignment: ผู้นำกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย AI
2. Readiness Assessment: ประเมินความพร้อมของคนและองค์กร
3. Skill Gap Prioritization: จัดลำดับช่องว่างทักษะที่สำคัญ
4. Workforce Roadmap: วางแผนสร้างศักยภาพบุคลากรระยะยาว
5. Learning Paths: ออกแบบเส้นทางเรียนรู้เฉพาะบุคคล
6. Impact Tracking: วัดผลการเรียนรู้และผลลัพธ์ทางธุรกิจ

——
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions 
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
——