สรุปเทรนด์ AI 2025: ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทุกองค์กรต้องจับตาในปี 2026

สรุปเทรนด์ AI 2025: ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทุกองค์กรต้องจับตาในปี 2026

Data

5 นาที

16 ธ.ค. 2025

แชร์

เมื่อ AI ไม่ได้เป็นเครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเศรษฐกิจและการทำงาน” ที่ทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญ

ภายใน 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในโลกของ AI ที่ได้ขยับจาก “ของเล่น” สู่ “ตัวเร่งผลิตภาพของทั้งองค์กร” และขยับเข้าใกล้ชีวิตเราของผู้คนเกือบทุกมุมโลกมากกว่าที่คิด

รายงาน The 2025 AI Index Report จาก Stanford HAI ถือเป็นหนึ่งในรายงานระดับโลกที่สรุปสถานการณ์ AI ครอบคลุมเทคโนโลยี เศรษฐกิจ นโยบาย และผลกระทบต่อสังคม ซึ่งนี่คือ 10 เทรนด์สำคัญและตัวเลขล่าสุด ที่ผู้บริหาร HR/Tech Leader ต้องไม่พลาดข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

1. AI ฉลาดขึ้นแบบก้าวกระโดดในทุกสนามทดสอบ

🔹 ปี 2024 คือปีที่ AI “โตแบบติดเทอร์โบ” ด้วยชุด Benchmark ใหม่อย่าง MMMU, GPQA และ SWE-bench ที่ทดสอบทักษะคิด วิเคราะห์ และเขียนโค้ดในโจทย์จริง
🔹 OpenAI o1 ทำ MMMU ได้ 78.2% จากเดิม 59.4% – เพิ่มขึ้นกว่า 18 จุด
🔹 โมเดลของ Anthropic และ Meta ทำ GPQA ได้ 87.7% ใกล้เคียงผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ (81.2%)
🔹 SWE-bench โมเดลโค้ดรุ่นใหม่ทำคะแนนทะลุ 80% จากโจทย์โปรแกรมจริงใน GitHub ภายในเวลา 1 ปี
🔹 AI ยังเข้าใจบริบทหลากหลายมิติได้ดีขึ้น (multimodal reasoning) และเขียนโค้ดได้ดีกว่ามนุษย์ในบางงาน

🔍 ทั้งหมดนี้สะท้อนจุดเปลี่ยนของ AI จาก “เครื่องมือช่วยคิด” กลายเป็น “ผู้ร่วมคิด” อย่างแท้จริง

2. AI แทรกซึมสู่ชีวิตประจำวันอย่างรวดเร็ว

🔹 ตัวเลขที่สะท้อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด เช่น
     🔻FDA อนุมัติอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ AI แล้วกว่า 223 รายการ
     🔻Waymo วิ่งรถไร้คนขับ 150,000 เที่ยว/สัปดาห์
     🔻Baidu Apollo Go ให้บริการในเมืองใหญ่กว่า 10 เมือง
🔹 AI เริ่มถูกใช้ในงานตัดสินใจทางการแพทย์มากขึ้น เช่น การวางแผนรักษาเฉพาะบุคคล, การคาดการณ์การระบาดล่วงหน้า
🔹 คาดว่า ภายในปี 2030 การใช้ AI ในการแพทย์และขนส่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

🔍 AI จึงไม่ใช่อนาคต แต่คือ โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของชีวิตประจำวัน

3. เงินลงทุน AI พุ่งแตะ 109 พันล้านดอลลาร์ – สหรัฐฯ นำโด่ง

🔹 ปี 2024 เป็นปีทองของการลงทุนใน AI ภาคเอกชนสหรัฐฯ ลงทุนด้าน AI สูงสุดถึง 109.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าจีนถึง 12 เท่า และมากกว่าอังกฤษ 24 เท่า
🔹 หมวดที่เติบโตสูงสุดคือ Generative AI ด้วยเม็ดเงิน 33.9 พันล้านดอลลาร์ (+18.7%) แต่ที่สำคัญกว่า “ตัวเงิน” คือ ผลลัพธ์จริงในองค์กร:
     🔻78% ขององค์กรทั่วโลกใช้ AI ในกระบวนการจริง (จากเดิม 55%)
     🔻AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานเฉลี่ย 14-35% โดยเฉพาะงานบริการ การตลาด และการผลิต
🔹 AI ช่วยลดช่องว่างทักษะระหว่างพนักงานใหม่-เก่าได้

🔍 AI กำลังเปลี่ยนจาก “ต้นทุน” เป็น “ตัวเร่งการเติบโตขององค์กร”

4. สหรัฐฯ ยังนำ แต่จีนไล่ทันด้วยคุณภาพโมเดล

🔹 ในปี 2024 สหรัฐฯ ผลิตโมเดลชั้นนำ AI ที่โดดเด่นได้สูงที่สุด (ประมาณ 40 โมเดล) ส่วนจีนอยู่ที่ 15 โมเดล และยุโรปมีเพียง 3 โมเดลเท่านั้น แต่สิ่งที่พบคือ ช่องว่างคุณภาพลดลงและเริ่มสูสีกันขึ้นเรื่อย ๆ
     🔻MMLU: วัดความเข้าใจหลายสาขา จากห่าง 17.5 → เหลือ 0.3
     🔻HumanEval (การทดสอบเขียนโค้ด) จากห่าง 31.6 → เหลือ 3.7
🔹 โมเดลจีนอย่าง DeepSeek-R1 และ Yi-Large ใช้ GPU น้อยลง แต่ประสิทธิภาพไล่ทันหรือใกล้เคียงโมเดลอเมริกา

🔍 โลกไม่ได้มีเพียง “ศึกสองขั้ว” อีกต่อไป ยังมีโมเดลชั้นนำจากตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้นกว่า 40%

ai human

ภาพจาก: macrovector

5. ความรับผิดชอบ AI “คำถามยังมากกว่าคำตอบ”

🔹 ปี 2024 มีรายงานถึงจำนวน “เหตุการณ์ผิดพลาดจาก AI” เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า เช่น Deepfake ข่าวปลอมการคัดเลือกใบสมัครอย่างไม่เป็นธรรม หรืออัลกอริทึมที่มีอคติและไม่โปร่งใส
🔹 แม้ Responsible AI (RAI) จะถูกพูดถึงมากขึ้น แต่มีเพียง 8 จาก 50 บริษัทชั้นนำ ที่มีระบบประเมินความเสี่ยง AI แบบเป็นรูปธรรม
🔹 รัฐบาลหลายประเทศกลับขยับเร็วกว่าภาคเอกชน ทั้ง OECD, สหภาพยุโรป, และ สหประชาชาติ ที่มีการประกาศประกาศกรอบ AI Governance Framework ที่เน้นความโปร่งใส ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ

6. โลกเปิดใจต่อ AI มากขึ้น – ไทยติด Top 3 ของโลก (77%)

🔹 จากการสำรวจทัศนคติประชาชนใน 75 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประชาชนเริ่ม “มอง AI ในแง่บวกมากขึ้น” โดยจีน (83%) อินโดนีเซีย (80%) ไทย (77%) และเชื่อว่า AI มี “ประโยชน์มากกว่าผลเสีย” ในขณะที่แคนาดาและสหรัฐฯ อยู่เพียง 39-40%
🔹 ที่น่าสนใจคือ ประเทศที่เคยหวาดระแวง AI เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร กลับมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8-10 จุดภายในสองปี
🔹 รายงานยังพบว่า ประเทศที่เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเร็ว มักมอง AI เป็น “โอกาสทางเศรษฐกิจ” มากกว่าเป็นภัย – ไทยอยู่ในกลุ่มนี้อย่างเด่นชัด แสดงให้เห็นว่าแรงงานและธุรกิจในไทยกำลัง เปิดใจต่อการทำงานร่วมกับ AI มากขึ้นกว่าที่เคย

🔍 AI จึงกำลังกลายเป็น “ดัชนีวัดความพร้อมของประเทศ” ว่าใครพร้อมรับอนาคตมากที่สุด และไทยคือหนึ่งในประเทศที่เปิดรับ AI มากที่สุดในเอเชีย

7. ต้นทุน AI ลดลง 280 เท่า: จากเทคโนโลยีแพง สู่ของที่ทุกบริษัทเข้าถึงได้

🔹 ภายในเวลาไม่ถึงสองปี ต้นทุนการรันโมเดล AI ระดับ GPT 3.5 ลดลงกว่า 280 เท่า เพราะปัจจัยสำคัญ 3 อย่าง:
     🔻Small Model มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก ทำงานได้เกือบเทียบเท่าโมเดลใหญ่ แต่ใช้ทรัพยากรต่ำกว่า
     🔻ฮาร์ดแวร์ถูกลง ประมาณ 30% ต่อปี รวมถึง GPU เจเนอเรชันใหม่ที่ใช้พลังงานน้อยลง
     🔻ประสิทธิภาพพลังงานดีขึ้นกว่า 40% ต่อปี ทำให้ต้นทุน Compute ลดลงอย่างมหาศาล

🔍 ผลลัพธ์คือ AI ไม่ใช่ของเล่นของ Big Tech อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ทุกคน ทุกธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ SME → Enterprise เข้าถึงได้จริง

8. รัฐบาลทั่วโลกเร่งออกกฎหมาย และทุ่มงบมหาศาลด้าน AI

🔹 ปี 2024 เป็นปีที่ “นโยบาย AI ระดับโลกขยับเร็วที่สุด” โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งออกกฎระเบียบเกี่ยวกับ AI ถึง 59 ฉบับ เพิ่มเกือบ 2 เท่าในหนึ่งปี และครอบคลุมหน่วยงานมากถึง 41 แห่ง
🔹 รัฐบาลทั่วโลกยังกว่า 75 ประเทศ มีการระบุ AI ไว้ในกฎหมาย พร้อมประกาศงบลงทุนระดับมหาศาลเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เช่น:
     🔻จีน: กองทุนชิป AI มูลค่า 47.5 พันล้านดอลลาร์
     🔻ฝรั่งเศส: ลงทุน 1.9 พันล้านยูโร เพื่ออุตสาหกรรมใหม่
     🔻แคนาดา: งบ 2.4 พันล้านดอลลาร์ ตั้งศูนย์วิจัย AI แห่งชาติ
     🔻อินเดีย: ทุน 1.25 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้ “IndiaAI Mission”
     🔻ซาอุดิอารเบีย: Megaproject “Project Transcendence” มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์

🔍 นโยบายและงบประมาณระดับนี้สะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับประเทศ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

9. การศึกษาด้าน AI โตเร็ว แต่ความเหลื่อมล้ำยังชัดเจน

🔹 2 ใน 3 ของประเทศทั่วโลกตอนนี้ มีหรือเตรียมเปิดสอน Computer Science และ AI ตั้งแต่ระดับ K-12 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2019 โดยแอฟริกาและลาตินอเมริกาคือภูมิภาคที่พัฒนาเร็วที่สุด
🔹 ในสหรัฐฯ จำนวนบัณฑิตสาขา Computing เพิ่มขึ้น 22% ในรอบ 10 ปี
🔹 แต่ความเหลื่อมล้ำยังเป็นความท้าทายสำคัญ:
     🔻66% ของโรงเรียนในแอฟริกาใต้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ตลอดวัน
     🔻หลายประเทศในเอเชีย ครูส่วนใหญ่ยังไม่มีพื้นฐาน AI
     🔻แม้ 81% ของครู K-12 ในสหรัฐฯ เห็นว่า “ควรสอน AI เป็นวิชาพื้นฐาน” แต่มีเพียงครึ่งเดียวที่มั่นใจว่าสอนได้จริง

🔍 โลกพร้อมเรียนรู้เรื่อง AI แต่ไม่ได้พร้อมเท่ากัน และความต่างนี้อาจกำหนดความสามารถแข่งขันของประเทศในอนาคต

10. อุตสาหกรรมครองเวที AI แต่สนามแข่งขันเริ่มแออัด

🔹 ปี 2024 โมเดล AI ชั้นนำกว่า 90% มาจากภาคอุตสาหกรรม เพิ่มจาก 60% เมื่อปี 2023 สะท้อนว่าภาคเอกชนลงทุนและพัฒนารวดเร็วมาก
🔹 ช่องว่างระหว่าง “ผู้นำ” และ “ผู้ตาม” กลับ แคบลงเรื่อย ๆ
🔹 คะแนนโมเดลอันดับ 1 vs 10 ห่างเพียง 5.4% (จาก 11.9%) / อันดับ 1 vs 2 ห่างแค่ 0.7%
🔹 นี่คือสัญญาณว่า AI ยุคใหม่ ไม่ได้มีเจ้าเดียวที่ครองโลก แต่เป็นยุคที่ทุกคนมีเครื่องมือใกล้เคียงกัน
🔹 ความแตกต่างจะเกิดจากสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ ความคิดสร้างสรรค์, ความเข้าใจบริบท, จริยธรรม และการปรับตัว

🔍 สนาม AI จึงเปลี่ยนจากแข่งว่า “ใครเก่งกว่า?” มาเป็นแข่งว่า “ใครเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วกว่า?”

สรุปภาพใหญ่: ปี 2025 คือปีที่ AI กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกใหม่

รายงาน AI Index 2025 ชี้ชัดว่า AI กำลังก้าวสู่บทบาทโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การศึกษา และนโยบายระดับประเทศ AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่กำลัง “รีเซ็ตนิยามความสามารถมนุษย์” ใหม่ทั้งหมด

คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ “AI ไปได้ไกลแค่ไหน?” แต่เป็น “เราจะเรียนรู้เร็วพอไหม ที่จะอยู่ร่วมกับมันอย่างชาญฉลาด?”

———-

📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะคนในองค์กรด้วย AI–People Enablement Solutions
📩 ติดต่อ: [email protected]
📞 โทร. 082-297-9915 (คุณโรส)

———-

Sources:
https://hai.stanford.edu/ai-index/2025-ai-index-report