ถอดรหัสความสำเร็จ SME x AI “ร้านแก้วของฝาก” เจ้าดังกาญจนบุรี พลิกวิกฤตเศรษฐกิจด้วยพลังเทคโนโลยี

ถอดรหัสความสำเร็จ SME x AI “ร้านแก้วของฝาก” เจ้าดังกาญจนบุรี พลิกวิกฤตเศรษฐกิจด้วยพลังเทคโนโลยี

AI

3 นาที

07 พ.ย. 2025

แชร์

ในวันที่เศรษฐกิจไม่สู้ดี คุณจะยอมรับสภาพและปล่อยให้ธุรกิจค่อย ๆ แย่ลง จนถึงจุดที่ไม่มีแรงพอจะเปลี่ยนแปลง หรือคุณจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ในวันที่ยังมีแรงเหลืออยู่? เพราะในยุคนี้ “ความช้า” คือความเสี่ยงที่สุด!

หลายธุรกิจยังมองว่า AI เป็นเรื่องไกลตัว ต้องใช้เงินเยอะ หรือเป็นเรื่องของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ในภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจแบบนี้ ใครที่ยัง “ช้า” อยู่ อาจเสี่ยงต่อการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ธุรกิจยุคนี้จึงไม่ใช่แค่ “ทำไปวัน ๆ” รอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างถาวรแล้ว และคนที่ “ปรับตัวทัน” เท่านั้น ที่จะคว้าโอกาสได้ก่อน

แม้องค์กรใหญ่จะมีเงินและทรัพยากรพร้อมกว่า แต่ก็มักมีขั้นตอนซับซ้อน ใช้เวลาตัดสินใจนานกว่าจะขยับตัว

ตรงกันข้ามกับ SME อย่าง “ร้านแก้วของฝาก” ร้านค้าในจังหวัดกาญจนบุรี ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความคล่องตัวและการตัดสินใจเร็ว คืออาวุธสำคัญที่สุดในยุคนี้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาล หรือทำโปรเจกต์ที่ซับซ้อนเกินไป เรามาดูกันว่าเขาทำกันอย่างไร

เจาะกลยุทธ์ SME ไทย ก็ใช้ AI ช่วยทำงานได้!

“ร้านแก้วของฝาก” คือหนึ่งในตัวอย่างจริงที่พลิกวิกฤตเศรษฐกิจให้กลายเป็นโอกาส ด้วยการนำ AI เข้ามาจัดการกระบวนการทำงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ (Repetitive Process) จนเปลี่ยนจาก SME ร้านของฝากเล็ก ๆ กลายเป็นบริษัทผู้ส่งออกขนมไทยสู่ตลาดระดับโลก

คุณโสฬส เตียวเดชวรรณ CEO และ Co-Founder บริษัท แอคทีฟพลัส บลู (บริษัทที่เกิดจากร้านแก้วของฝาก) ไม่ได้ทุ่มงบซื้อระบบ AI ราคาแพง แต่เลือกใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดให้เกิด “ผลกระทบสูง” (High Impact) ต่อธุรกิจโดยตรง

และนี่คือ 4 กลยุทธ์ด้าน AI ที่พวกเขาใช้ และ SME ไทยสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

1. ลดต้นทุนการผลิตด้วย IoT Sensors
โรงงานเคยมีของเสียจากการผลิตสูงถึง 10% เพราะเครื่องจักรทำงานผิดพลาด การติดตั้ง IoT Sensors เพื่อเก็บข้อมูลเรียลไทม์ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วสายพาน แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วย AI ทำให้สามารถคาดการณ์ปัญหาได้ก่อนเกิดจริง ส่งผลให้ลดต้นทุนการผลิตลงได้ 8-10% อย่างเห็นได้ชัด

2. พัฒนาสินค้าใหม่ด้วย AI วิเคราะห์เทรนด์โลก
จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเก็บข้อมูลจากลูกค้าในการคิดสูตรขนมใหม่ ปัจจุบันใช้ ChatGPT และ Gemini วิเคราะห์เทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อออกสูตรขนมใหม่ได้ตรงใจแต่ละตลาด เช่น ตลาดรัสเซียชอบขนมสีสด ส่วนตลาดจีนต้องเพิ่มความหวานขึ้นเล็กน้อย

3. ทำการตลาดแบบ “ใช้ข้อมูลนำ” ลดค่าใช้จ่ายกว่า 40%
แทนที่จะใช้สัญชาตญาณเลือกตลาดเป้าหมาย ร้านได้ใช้ AI วิเคราะห์ยอดขายย้อนหลัง 3 ปี เพื่อระบุประเทศที่มีศักยภาพทำกำไรสูงสุด และได้พบ 5 ตลาดหลักที่คุ้มค่าการลงทุน ทำให้ลดงบการตลาดลงกว่า 40% และเพิ่มโอกาสปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ได้มากขึ้น

4. เพิ่มทักษะและความเร็วด้วย AI ล่ามแปลภาษา
AI ถูกนำมาใช้แปลเอกสารข้อเสนอ (Proposal) และสัญญาภาษาต่างประเทศอย่างมืออาชีพ ทำให้การสื่อสารกับคู่ค้าต่างชาติเร็วขึ้นหลายเท่า และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ทีมงานที่ต้องติดต่อกับตลาดต่างประเทศโดยตรง

บทเรียนสำหรับผู้นำยุคใหม่

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในกรณีศึกษานี้ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือ “วิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ” ที่กว้างไกลและเฉียบคมของผู้บริหาร ที่กล้าปรับเปลี่ยนและทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ นำพาธุรกิจก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิม ๆ โดยไม่มอง AI เป็นแค่แฟชั่นหรือเครื่องทุ่นแรง แต่เป็น “เครื่องเร่งการเติบโต” (Growth Accelerator) ที่ขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างยั่งยืน เพิ่มโอกาสการขยายตลาด ไม่ใช่การ “ลดคน” อย่างที่หลายๆ คนกลัว

ผู้นำที่เข้าใจการใช้ AI อย่างถูกวิธี จะไม่มองว่าเทคโนโลยีคือภัย แต่คือโอกาสที่จะทำให้องค์กร “ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และยืดหยุ่นกว่าเดิม”

สรุป: เปลี่ยนจากแค่ “รู้จัก AI” สู่การ “ใช้ AI ได้จริง”

สำหรับผู้บริหารหรือเจ้าของ SME ที่อยากเรียนรู้การใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม พบกับเวิร์กชอป Transform & Driving AI Impact For Success เดือนพฤศจิกายน 2025 นี้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truedigitalacademy.com/course/tdai

———-

📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะคนในองค์กรด้วย AI–People Enablement Solutions
📩 ติดต่อ: [email protected]
📞 โทร. 082-297-9915 (คุณโรส)

———-

Source: https://www.kasikornbank.com/ksmesierra/pages/ai-powered.aspx

แชร์