บริหารโปรดักส์ให้สำเร็จ ด้วย Power-Interest Matrix จัดการทีม-ลูกค้า-พาร์ทเนอร์
บริหารโปรดักส์ให้สำเร็จ ด้วย Power-Interest Matrix จัดการทีม-ลูกค้า-พาร์ทเนอร์
Business
4 นาที
21 พ.ค. 2025
แชร์
Table of contents
แน่นอนว่าสำหรับคนทำธุรกิจ สร้างแบรนด์ และผลิตภัณฑ์เอง สิ่งแรกที่จะต้องใส่ใจมากที่สุดคือ “ตัวผลิตภัณฑ์” ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนา ทดลอง ปรับปรุงให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
แต่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลย คือเรื่อง “คน” โดยเฉพาะในสเกลธุรกิจ ที่ต้องใส่ใจมากกว่าแค่ “ผู้ใช้”
ดังนั้นวันนี้เราจะชวน Product Manager / เจ้าของธุรกิจ / ทีมพัฒนา ที่กำลังมีแผนสร้างผลิตภัณฑ์เอง มาพูดถึงเรื่องของการจัดการ “Stakeholders” กัน!
“Stakeholder” คือ “ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย” กับผลิตภัณฑ์ของเรา
ในการทำผลิตภัณฑ์แต่ละครั้ง มี “ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย” แตกต่างกันไป มาลองเช็คดูว่ามี “ใคร” บ้างที่เราต้องแคร์!?
1. ผู้ใช้งาน (Users) คือ คนที่ซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่ดี ไม่ตอบโจทย์ ลูกค้าไม่ใช้ ธุรกิจก็ไม่โต
2. หัวหน้า/ผู้บริหาร (Bosses/Executives/Investors) คือ คนที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องงบประมาณและทิศทางผลิตภัณฑ์ ถ้าไม่สนับสนุน อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้รับการพัฒนา
3. ทีมพัฒนา (Development Team) คือ คนลงมือสร้างผลิตภัณฑ์ ถ้าทีมไม่เข้าใจเป้าหมายหรือทำงานไม่ราบรื่น ผลิตภัณฑ์อาจไม่เป็นตามที่วางไว้
4. ทีมการตลาดและการขาย (Marketing & Sales Team) คือ คนที่นำผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาด ทำให้ลูกค้ารู้จักและซื้อ ถ้าโปรโมต หรือขายไม่ดี ผลิตภัณฑ์อาจล้มเหลว
5. ฝ่ายอื่น ๆ ในบริษัท (Other Departments) เช่น ฝ่ายซัพพอร์ตลูกค้า ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเงิน คือ ผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของผลิตภัณฑ์
6. คู่ค้า (Partners) คือ องค์กรหรือบุคคลที่ทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของเรา
7. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (External Stakeholders) เช่น หน่วยงานกำกับดูแล หรือชุมชน คือ กลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ของเรา
ทำไมคนทำผลิตภัณฑ์ต้องแคร์ Stakeholders ด้วยล่ะ?
เพราะว่า Stakeholders เหล่านี้คือ “แหล่งข้อมูล” (Insight) และเป็นคนกำหนด “ความต้องการ” (Requirement) ของผลิตภัณฑ์
Stakeholders แต่ละกลุ่ม ทั้งลูกค้า ทีมขาย ทีม Support ผู้บริหาร หรือทีมกฎหมาย ฯลฯ มักจะมีมุมมองและความต้องการที่แตกต่างกัน การรับฟังพวกเขาอย่างตั้งใจจะช่วยให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้ และตลาดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
และเมื่อมีไอเดียผลิตภัณฑ์ ก็ควรไปลองคุยกับ Stakeholders เพื่อเช็คว่าไอเดียผลิตภัณฑ์นั้นทำได้จริงไหมตามทรัพยากร (งบประมาณ, ทีมงาน) ที่มี มีคนต้องการจะซื้อใช้จริงไหม
การสื่อสารกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้ Stakeholders เข้าใจและเห็นด้วยกับผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังสร้าง และให้การสนับสนุนและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์นั้นประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมต การขาย หรือการให้ Feedback ที่เป็นประโยชน์ การลดความเสี่ยงและความขัดแย้งในภายหลัง
นอกจากนี้บางครั้ง Stakeholders อาจจะเสนอไอเดียหรือมุมมองใหม่ ๆ ที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนา Product ที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เลย
จัดการ Stakeholders แบบ “เก๋าเกม” ด้วย Power-Interest Matrix
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะเริ่มเห็นภาพความสำคัญของ “คน” รอบผลิตภัณฑ์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หัวหน้า ทีมงาน หรือพาร์ทเนอร์ที่ร่วมมือกัน ทุกคนล้วนมีผลต่อความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เราทั้งนั้น จึงต้องบริหารจัดการคนเหล่านี้ให้ดี แต่ถ้ายังงง ๆ ไม่รู้ทำยังไงดี!? ลองใช้ “Power-Interest Matrix” ดูสิ!
“Power-Interest Matrix” เป็น Framework ตัวช่วยที่ Product Manager ในองค์กรในระดับมืออาชีพใช้ช่วยวิเคราะห์ Stakeholders ตามพลังอำนาจ (Power) และความสนใจ (Interest) เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการสื่อสาร มีส่วนร่วม และลดความขัดแย้ง
🔃ดาวน์โหลด Template (PPT) ฟรีได้ที่นี่: simplystakeholders.com/Power-Interest-Grid-Template
วิธีใช้ “Power-Interest Matrix” และกลยุทธ์การจัดการ Stakeholders
➡️ Power สูง + Interest สูง ต้อง “จัดการอย่างใกล้ชิด” (Manage Closely)
กลยุทธ์: บริหารจัดการอย่างใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์ให้ดีที่สุด ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจหลัก รับฟังความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ และทำให้มั่นใจว่าเราใส่ใจทุกความต้องการและความคาดหวังของพวกเขา
แนวทางจัดการ: ประชุมเป็นประจำ, นำเสนอความคืบหน้าอย่างละเอียด, ขออนุมัติในประเด็นสำคัญ, สร้างความไว้วางใจและความเข้าใจร่วมกัน
➡️ Power สูง + Interest ต่ำ ต้อง “ทำให้พอใจ” (Keep Satisfied)
กลยุทธ์: ทำให้พึงพอใจ รักษาความสัมพันธ์ที่ดี แจ้งข้อมูลในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่ให้พวกเขากลายเป็นอุปสรรคที่จะขัดขวางการทำผลิตภัณฑ์ภายหลัง
แนวทางจัดการ: รายงานสรุป, เน้นโชว์ผลลัพธ์ทางธุรกิจ, สื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ในภาพรวม, ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกละเลย
➡️ Power ต่ำ + Interest สูง ต้อง “แจ้งให้ทราบ” (Keep Informed)
กลยุทธ์: เน้นแจ้งข้อมูล ให้พวกเขามีส่วนร่วมในบางกิจกรรม (เช่น การทดสอบผู้ใช้, การให้ Feedback) แสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นของพวกเขามีคุณค่า
แนวทางจัดการ: ส่งข่าวสารและอัปเดต, จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็น, สร้างช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้าง, ตอบคำถามและข้อสงสัย
➡️ Power ต่ำ + Interest ต่ำ ต้อง “คอยติดตาม” (Monitor)
กลยุทธ์: เฝ้าดูความเคลื่อนไหว ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททรัพยากรมากนัก แต่ต้องระวังหากระดับพลังหรือความสนใจของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป
แนวทางจัดการ: ติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้อง, สื่อสารเมื่อจำเป็นหรือเมื่อมีผลกระทบโดยตรง, ไม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
ทั้งนี้ “Power Interest Matrix” ไม่ใช่แนวทางที่ตายตัว ประเมินครั้งเดียวจบ ควรมีการทบทวนและปรับปรุงเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างองค์กร กลยุทธ์ทางธุรกิจ หรือความต้องการของผู้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอด้วย
น่าจะเห็นภาพกลยุทธ์การจัดการ “คน” ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้นแล้ว หากสนใจอยากเรียนรู้พื้นฐานการสร้างผลิตภัณฑ์ให้โดนใจผู้ใช้ พร้อมการวางแผนผลิตภัณฑ์ทั้งแต่ต้นจนถึงจบ อย่าพลาดคอร์สเรียน Product Management รุ่นที่ 9 ดูรายละเอียดและสมัครเรียนได้ที่นี่ : https://www.truedigitalacademy.com/course/product-management
——
Source: simplystakeholders.com