Job Description กำลังเปลี่ยน! ยุค AI แค่เก่งไม่พอ ต้องมี AI-Ready Mindset
Job Description กำลังเปลี่ยน! ยุค AI แค่เก่งไม่พอ ต้องมี AI-Ready Mindset
AI
4 นาที
02 ต.ค. 2025
แชร์
Table of contents
คนสมัครงานยุคนี้ อาจต้องเตรียมเพิ่ม “ค่าพลัง AI Skill” กันแล้วจริง ๆ
เพราะถ้าย้อนกลับไป HR มักเขียน Job Description (JD) แบบคุ้นตา ขึ้นต้นด้วย “คุณสมบัติที่ต้องการ” ตามด้วย Hard Skills เช่น Excel, ภาษาอังกฤษ, ความรู้เฉพาะสายงาน และ Soft Skills เช่น การทำงานเป็นทีม, ทัศนคติเชิงบวก, การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
แต่วันนี้ที่ AI ก้าวเข้ามาเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานใหม่ JD สไตล์เดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป องค์กรไม่ได้มองหาแค่คนที่ “ทำงานเป็น” แต่คือคนที่ “ทำงานร่วมกับ AI เป็น”
JD แบบเดิม vs JD ยุค AI ต่างจากเดิมยังไง?
ลองมาดูตารางเปรียบเทียบนี้กัน จะเห็นชัดเลยว่า JD สมัยก่อนเน้นแค่ Hard Skills + Soft Skills แต่ในยุคที่ AI เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่องค์กรมองหาคือ AI Skills + Mindset ที่พร้อมปรับตัวไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
JD แบบเดิม | JD ยุค AI |
เน้น Hard Skills เช่น ใช้ Excel, เขียนโค้ด, วิเคราะห์ตลาด | เน้น AI Skills เช่น AI Literacy (ความรู้พื้นฐานด้าน AI), Data Analysis, Prompt Engineering |
เน้น Soft Skills เช่น teamwork, problem solving, leadership | Soft Skills ยังสำคัญ แต่ต้องเสริม Human-Centric Skills ที่ AI แทนไม่ได้ เช่น Empathy, Storytelling, Creativity |
เน้นความสามารถเฉพาะตำแหน่ง | เน้น Transferable Skills ที่ใช้ได้หลายอาชีพและปรับตัวได้ตามบริบท |
ไม่พูดถึง AI โดยตรง | มี requirement ชัดเจน เช่น “พร้อมทำงานร่วมกับ AI tools” หรือ “เปิดรับการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่” |
วัดผลที่ประสบการณ์และวุฒิการศึกษา | วัดผลที่ Mindset และความสามารถในการเรียนรู้ (Capacity to Learn) ว่าพร้อมปรับตัวเร็วแค่ไหน |
เห็นได้ชัดว่า JD ในอนาคตจะไม่ใช่แค่ “ใครทำอะไรได้” แต่คือ “ใครพร้อมปรับตัวกับ AI ได้”
การทำงานกับ AI ไม่ได้วัดกันแค่สกิล เพราะทักษะเรียนรู้กันได้ แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือ “ทัศนคติ” ของคนทำงานว่าจะเปิดรับเครื่องมือใหม่นี้หรือไม่ และนี่คือเหตุผลที่หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับ AI-Ready Mindset พอ ๆ กับ AI Skills
ทำไม AI-Ready Mindset ถึงสำคัญ?
AI Skills เรียนรู้กันได้ แต่ “Mindset” ต้องสร้างขึ้นมาเอง เพราะ AI ไม่ได้เปลี่ยนแค่ “เครื่องมือทำงาน” แต่เปลี่ยนทั้ง วิธีคิด วิธีทำงาน และวัฒนธรรมองค์กร
4 เฟสของการยอมรับ AI (Emotional Phases of Adoption)
1️⃣ ตื่นเต้นกับความสามารถใหม่ ๆ (เช่น ตอนลองใช้ ChatGPT ครั้งแรก)
2️⃣ กังวลว่า AI จะมาแทนงาน หรือรู้สึกผิดถ้าใช้ AI แล้วงานเสร็จเร็วเกินไป
3️⃣ เข้าใจว่า AI ไม่ใช่คู่แข่ง แต่คือ Copilot ที่ช่วยเสริมให้ทำงานได้ดีกว่าเดิม
4️⃣ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำวัน เหมือน Google ที่เราใช้ทุกวันจนไม่รู้สึกแปลกใหม่แล้ว
HR ที่เข้าใจวงจรนี้ จะสามารถออกแบบ JD และ Training ที่ตอบโจทย์พนักงานซึ่งอยู่ “คนละเฟส” ของการยอมรับ AI ได้อย่างเหมาะสม
แล้ว AI Skills ไหนที่ควรมีในใบสมัครงาน?
1. AI Literacy (ความรู้พื้นฐานด้าน AI)
เข้าใจว่า AI ทำอะไรได้หรือไม่ได้ รู้ข้อจำกัด ความเสี่ยง และวิธีใช้อย่างเหมาะสม
👉 ตัวอย่าง: HR อาจระบุว่า “มีความเข้าใจพื้นฐานในการใช้ AI tools ในงานสายงาน”
2. Prompt Engineering
ทักษะการออกแบบคำสั่ง (Prompt) เพื่อสื่อสารกับ AI ให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่สาย IT แต่จำเป็นสำหรับทุกสายงาน เช่น Marketing, HR, Finance
3. Data Analysis & Digital Literacy
ใช้และตีความข้อมูลเป็น อ่าน dashboard ได้ ใช้เครื่องมือ BI (Business Intelligence) และเข้าใจเรื่อง Digital Security
4. Ethics & Digital Responsibility
ใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ เข้าใจประเด็น bias, privacy และ fairness เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านลบ
5. Emerging Tech Skills
เปิดรับและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ เช่น Machine Learning Basics, NLP (Natural Language Processing) หรือการทำงานร่วมกับ RPA (Robotic Process Automation)
Soft Skills & Human-Centric Skills ยังสำคัญเหมือนเดิม
ถึง AI จะฉลาดแค่ไหน แต่ยังแทน ทักษะด้านมนุษย์ ไม่ได้ ถ้า JD แบบเดิมเขียนว่า “ต้องมีทักษะการสื่อสารดี” วันนี้ต้องเจาะลึกกว่านั้นว่าจะสื่อสาร อย่างไรในยุค AI
จากรายงาน 10 Skills You Need to Thrive in the AI Era พบว่า HR ควรพิจารณา Soft Skills เหล่านี้ เพิ่มเติม:
▪️Empathy: เข้าใจและตีความข้อมูลจาก AI ให้เชื่อมโยงกับอารมณ์มนุษย์
▪️Storytelling: เปลี่ยน insight ที่มาจาก data ให้เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจและจับใจคน
▪️Creativity: ใช้ AI เป็นตัวช่วยระดมไอเดีย แต่ยังคิดนอกกรอบได้เอง
▪️Collaboration: ทำงานร่วมทีม ใช้ AI เป็นตัวช่วยประสานงาน แต่ยังต้องสร้างบรรยากาศการร่วมมือ
▪️Resilience: พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง ล้มแล้วลุกไว
▪️Growth Mindset: เปิดรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
อาจฟังดูดีที่ JD ในอนาคตจะครบทั้ง Hard Skills, Soft Skills และ AI Skills แต่ถ้ามองย้อนกลับมาที่ตัวเอง… เราพร้อมสำหรับ JD แบบใหม่นี้จริงหรือยัง?
Checklist: คุณพร้อมหรือยังกับ JD ยุคใหม่?
สำหรับ HR
▪️JD มี Hard + Soft Skills + AI Skills + Mindset หรือยัง
▪️ระบุ AI Literacy และ Digital Responsibility หรือไม่
▪️ภาษาใน JD สะท้อน “การเปิดรับ AI” แล้ว หรือยังใช้คำเก่า ๆ เช่น “ใช้งาน Microsoft Office ได้”?
สำหรับผู้สมัครงาน
▪️ใน Portfolio ของคุณ มีการโชว์ AI Tools ที่ใช้จริงแล้วหรือยัง?
▪️มี Growth Mindset ที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือยังกลัวว่า AI จะมาแทนที่คุณ?
▪️ลอง Mapping Transferable Skills ของตัวเองว่าสอดคล้องกับงานในยุค AI แล้วหรือยัง?
JD ไม่ใช่แค่ “ใบสมัครงาน” แต่คือ “สัญญาณเตือนอนาคต”
ในโลกที่ AI เข้ามาเขียนนิยามใหม่ของการทำงาน JD จะไม่หยุดอยู่แค่การระบุ Hard Skills + Soft Skills อีกต่อไป แต่ต้องเพิ่ม AI Skills + AI-Ready Mindset เข้าไปเป็น requirement หลัก
เพราะสิ่งที่องค์กรกำลังมองหา ไม่ใช่คนที่ “ทำงานแทน AI” แต่คือคนที่ “ทำงานร่วมกับ AI”
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
Sources:
https://ncmahq.org/Web/Shared_Content/CM-Magazine/CM-Magazine-September-2024/An-AI-Ready-Mindset.aspx
https://www.techmahindra.com/insights/views/ai-mindset-what-why-and-how/
https://bundleskills.com/blog/10-skills-you-need-to-thrive-in-the-ai-era-and-theyre-not-what-you-think
https://www.coursera.org/in/articles/ai-skills