เริ่มด้วย Why ชนะด้วย Insight: Innovation ที่ทรงพลัง เริ่มจากเข้าใจลูกค้า ไม่ใช่แค่เลือกเครื่องมือ
เริ่มด้วย Why ชนะด้วย Insight: Innovation ที่ทรงพลัง เริ่มจากเข้าใจลูกค้า ไม่ใช่แค่เลือกเครื่องมือ
Business
3 นาที
17 ก.ย. 2025
แชร์
Table of contents
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ใครมีข้อมูลมากกว่า แต่คือใครสามารถ แปลงข้อมูลให้เป็นนวัตกรรมได้จริง
Session Innovation Secret Sauce: The Power of Why โดย คุณเอ็ง บังอร สุวรรณมงคล, CEO & Founder, Hummingbirds Consulting ในงาน TDA Next 2025 ชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมที่ทรงพลังไม่ได้เริ่มจากการเลือกเครื่องมือหรือเทคโนโลยี แต่เริ่มจากการถามคำว่า “Why” เพื่อเข้าถึง Insight ของลูกค้า และแปลงเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง
ทำไมต้องเริ่มจาก “Why” ?
นักการตลาดที่รายล้อมด้วย Insight มหาศาล ควรรู้ว่า “ข้อมูลที่มีค่าที่สุด” ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ แต่ซ่อนอยู่ในใจของลูกค้า
สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการเก็บข้อมูล แต่คือ การถอด Insight เหล่านั้นออกมาเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์จริง และกุญแจสำคัญของการสร้าง Innovation ที่ทรงพลัง คือการเริ่มต้นด้วยคำว่า “Why”
จุดเริ่มต้นของ Innovation ส่งผลโดยตรงต่อการแก้ปัญหา มาลองเปรียบเทียบระหว่างการ Start Innovation with “What” กับ with “Why” ต่างกันอย่างไร
ตัวอย่าง: เพิ่ม Traffic ให้คนกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า
ปัญหา: คนมาเดินห้างน้อยลง
วิธีการ:
▪️ ถ้าเริ่มจาก “What” → เราจะรีบหาเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม Traffic
▪️ ถ้าเริ่มจาก “Why” → เราจะเข้าใจว่า “ทำไมลูกค้าถึงไม่มาที่ห้าง” และเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง
สรุป: ถ้าอยากเพิ่ม Traffic ต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนว่า “ทำไมลูกค้าไม่มา” ไม่ใช่เริ่มจากการเลือกเครื่องมือ
Insight: การเข้าใจมนุษย์คืออาวุธลับ
ก่อนจะสร้าง Innovation ใด ๆ ถ้าอยากให้ลูกค้าเลือกเรา ต้องตอบได้ว่า “ทำไม” ต้องทำ Innovation นี้
“Insight” ที่แท้จริง คือการเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ตัวเลข นี่คือ Power of Why ที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงและสร้าง Business Impact ได้
กรณีศึกษา: Line Sticker กับวิกฤตยอดดาวน์โหลดลดลง
ตัวอย่างที่ 1:
▪️ Why: ทำไมลูกค้าหยุดดาวน์โหลด
▪️ Insight: ลูกค้าซื้อสติกเกอร์จำนวนมาก แล้วรู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ ขาดความ “ว้าว” จึงมองหาความไม่เหมือนใคร
▪️ แนวคิดแก้ปัญหา: Sticker ชื่อเล่นยอดนิยม / เติมคำในช่องว่าง / Avatar / เก่าแลกใหม่
ตัวอย่างที่ 2:
▪️ Why: ทำไมผู้ใช้อายุ 40+ หยุดดาวน์โหลด
▪️ Insight: ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นกับดิจิทัล ไม่รู้วิธีซื้อด้วย Line Coins (เช่น ผู้สูงอายุหรือต่างจังหวัด)
▪️ แนวคิดแก้ปัญหา: เครื่องขายสติกเกอร์อัตโนมัติ / Verified reseller เช่น ตู้เติมเงิน หรือร้านมือถือ
วิธีหา Innovative Idea ที่แท้จริง
ลูกค้าไม่สามารถบอกได้ตรง ๆ ว่าต้องการอะไร แต่พวกเขาจะสามารถแชร์ Insight ที่มีคุณค่า เช่น ปัญหา ความฝัน หรือความคาดหวัง
หน้าที่ของนักนวัตกรรมคือ ถอดรหัส Pain Point เหล่านั้น แล้วสร้างสิ่งใหม่ที่แม้แต่ลูกค้าเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องการ
ทฤษฎีไข่ดาว (Fried Egg Theory)
การคิด Innovation ต้องเริ่มจาก “เข้าใจบริบท” ไม่ใช่ถามตรง ๆ กับลูกค้า เพราะมักไม่ได้คำตอบ แต่การมองรอบ ๆ สถานการณ์และสิ่งที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เจอ Pain Point ที่แท้จริง และนำไปสู่โอกาสในการสร้างสรรค์
สูตรสำเร็จ: Incremental Change + Disruptive Change = Human First Innovation
▪️ Incremental Change: ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ “ดีขึ้น”
▪️ Disruptive Change: สร้างคุณสมบัติใหม่
ถ้าอยากให้นวัตกรรมชนะตลาด ต้องตอบ 2 ข้อนี้ให้ได้
1. ชนะใจลูกค้า: แก้ Pain Point + เพิ่ม Gain Point
2. ชนะคู่แข่ง: แก้ปัญหาได้ดีกว่าทางเลือกที่มีอยู่
สุดท้าย “ของจริงจะชนะเสมอ”
คุณเอ็ง ได้สรุปทิ้งท้ายไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า…
🔹 ปลาใหญ่กินปลาตัวเล็ก
🔹 ปลาที่แข็งแรงกินปลาที่อ่อนแอ
🔹 ปลาที่ไวชนะปลาที่ช้า
🔹 และสุดท้าย “ปลาจริง” กิน “ปลาปลอม”
ไม่ใช่ใครใหญ่กว่า หรือแข็งแรงกว่า แต่คือใครที่สร้าง Innovation ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง จึงจะอยู่รอดและเติบโต
📌 สุดท้ายนี้ หากผู้บริหารหรือผู้นำที่ต้องการยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจในยุคที่ AI Disruption ให้ TDA เป็นที่ปรึกษาด้าน Corporate In-House Training 👉 ติดต่อ [email protected] หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)