จะทำอย่างไร? เมื่อยุคนี้ แบรนด์จะไม่ได้พูดกับ “คน” แต่พูดกับ “อัลกอริทึม”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำคอนเทนต์ยุคนี้แค่โพสต์ดีอย่างเดียวไม่พอ นอกจากจะต้องเดาอินไซต์ของคนแล้ว ยังต้องเดาอินไซต์ความต้องการของอัลกอริทึมในแต่ละแพลตฟอร์มด้วย เพราะถ้าอัลกอริทึมไม่ “เลือก” เนื้อหาของคุณ โพสต์ก็แทบไร้ตัวตน เราจึงต้องสื่อสารกับอัลกอริทึมของ Google, Facebook, TikTok, Shopee… ให้ “เข้าใจ” ก่อนถึงจะไปถึงคนได้

นี่คือแนวคิด Business-to-Algorithm หรือ B2A ที่บอกว่า โลกที่ “อัลกอริทึมเลือกเรา ไม่ใช่เราเลือกอัลกอริทึม”

Algorithm 2025: แต่ละแพลตฟอร์มสนใจอะไร?

1. Meta (Facebook & Instagram) : จาก “คนรู้จัก” สู่ “เรื่องที่ควรเห็น”
🔹 ปรับระบบฟีดมาเน้น Interest Graph มากกว่า Social Graph
🔹 กว่า 50% ของโพสต์ใน feed มาจากเพจหรือครีเอเตอร์ที่ไม่เคยติดตาม แต่ระบบมองว่า “ใช่”
🔹 ปัจจัยหลักที่ทำให้เนื้อหาได้ reach สูง คือ share, save, หรือการดูนาน มากกว่าแค่ like หรือ comment

แนวทาง B2A ที่แนะนำ:
🔹สร้างคอนเทนต์ที่ชวนให้ share หรือ save
🔹โพสต์สม่ำเสมอเพื่อสร้าง momentum ให้ algorithm จำ
🔹ใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบ เช่น Reels, Stories, Live (อัลกอริทึมเปิดโอกาสให้เนื้อหาที่ใช้ฟีเจอร์อัปเดตใหม่ถูกแสดงมากกว่า)
🔹อย่าลืม Community → ตอบคอมเมนต์ พูดคุยโต้ตอบอย่างจริงใจ

2. TikTok: จากไวรัล สู่ Insight-driven content
🔹 ไม่ได้พึ่ง virality เพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงที่มาจาก data insight
🔹 AI Tools ใหม่ เช่น Insight Spotlight ช่วยหา keyword และมุมคอนเทนต์ที่ใกล้เคียงพฤติกรรมจริง / Content Suite ช่วยแปลง UGC เป็นโฆษณาได้เร็วและนำกลับมาใช้ซ้ำได้ง่าย
🔹 ปี 2025 แบรนด์ที่เติบโตจริงไม่ใช่ผู้ตามเทรนด์ แต่คือผู้ที่สื่อสารได้ชัดเจน มีคุณค่า และสม่ำเสมอ ใน niche ของตนเอง

แนวทาง B2A ที่แนะนำ:
🔹 เลือกแพลตฟอร์มหลักแล้วทุ่มเนื้อหาที่มีผลต่อแบรนด์จริง ๆ
🔹 ใช้ Insight Spotlight หา keyword และประเด็นที่กำลังมาแรง
🔹 แปลง UGC เป็นโฆษณาผ่าน Content Suite ประหยัดเวลาและใกล้ชิดผู้ใช้
🔹 เล่าเรื่อง niche ของแบรนด์อย่างชัดเจน สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง

3. Google: ยกระดับ “คุณภาพและประสบการณ์” เป็นสำคัญ
🔹 ปี 2025 Google อัปเดตครั้งใหญ่ เช่น March และ June Core Update เพื่อให้ผลลัพธ์ตอบเจตนาผู้ใช้มากขึ้น
🔹 Engagement ของผู้ค้นหา (searcher engagement) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น (จาก 11% → 12%)
🔹 Backlinks ลดบทบาทลง แต่เนื้อหาที่ตรงกับ intent ส่งผลต่อ ranking มากขึ้น
🔹 Schema/structured data ความสำคัญลดลง แต่ยังช่วยให้ระบบเข้าใจเนื้อหา
🔹 Google เน้นว่า AI-generated content ต้องถูกเติม “ความเป็นมนุษย์” จึงจะได้ผล โดยเฉพาะธุรกิจเล็กที่ควรเน้นคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม

แนวทาง B2A ที่แนะนำ:
🔹 ทำคอนเทนต์ที่ “มีประโยชน์เกินคาดหวัง” (helpful, satisfying) และอัปเดตต่อเนื่อง
🔹 ติดตาม performance หลัง Core Update แล้วปรับเนื้อหาให้ตรง intent
🔹 ใช้ structured data อย่างเหมาะสมเพื่อช่วยให้อัลกอริทึมเข้าใจง่าย ๆ
🔹 ใช้แนวทาง Answer Engine Optimization (AEO) เขียนแบบ Q&A หรือ bullet ให้ AI ตอบได้ทันที
🔹 สำหรับธุรกิจท้องถิ่น อัปเดต Google Business Profile, กระตุ้นรีวิว และใส่ schema markup “LocalBusiness” เพิ่มโอกาสให้เจอใน Local Pack ได้ง่ายขึ้น

B2A คือ “ภาษากลาง” ที่ธุรกิจต้องพูดให้เป็น

การเข้าใจนิสัยของอัลกอริทึมแต่ละแพลตฟอร์มคือสิ่งจำเป็น แล้วสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น
🔹 Meta สนใจการแชร์และการบันทึก
🔹 TikTok สนใจ niche และ insight
🔹 Google สนใจเนื้อหาที่ตรง intent และสร้างคุณค่าจริง

เมื่อรู้แล้วต้องรีบลงมือ ตั้งแต่การเลือก format คอนเทนต์, กำหนดความถี่, ทำ UX ให้เร็ว, ใส่ structured data ไปจนถึงการวัดผลหลังอัปเดต

เพราะในยุค B2A แบรนด์ที่ทำให้อัลกอริทึมเลือกเราได้สำเร็จ ไม่เพียงขายได้ แต่ยังถูกค้นเจอ และเชื่อมต่อกับโลกที่ AI คือกุญแจหลักในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เราไปต่อได้

——

Source:
https://zozimus.com/meta-algorithm-update
https://buffer.com/resources/facebook-algorithm
https://www.theverge.com/news/678255/tiktok-advertiser-summit-ai-targeting-data-seo
https://www.jeffbullas.com/thread/fastest-way-to-grow-real-tiktok-followers-in-2025
https://searchengineland.com/google-june-2025-core-update-rollout-is-now-complete-458617
https://firstpagesage.com/seo-blog/the-google-algorithm-ranking-factors

——