คู่มือเลือก AI สำหรับงาน Research & Data Analysis แบบไทย ๆ เลือกใช้ตัวไหนดี?

คู่มือเลือก AI สำหรับงาน Research & Data Analysis แบบไทย ๆ เลือกใช้ตัวไหนดี?

Business

3 นาที

16 ก.ย. 2025

แชร์

AI วันนี้ไม่ใช่แค่ของเล่นอีกต่อไป แต่เป็น “เครื่องมือคู่ใจ” ของทั้งนักวิชาการ นักการตลาด และผู้บริหารที่ต้องทำ Research อยู่ตลอดเวลา

แล้วคำถามคือ “ควรเลือก AI ทำวิจัยตัวไหนดี?” เพราะ AI แต่ละตัวมีจุดแข็งและข้อจำกัดต่างกัน บางตัวเก่งเขียน บางตัวเก่งค้นหา บางตัวเหมาะกับงานเอกสารยาว ๆ รวมถึงมีการเชื่อมโยง ecosystem กับสิ่งที่เราใช้อยู่ บทความนี้สรุป 4 ตัวหลักที่คนไทยควรรู้จักมาแนะนำว่าเครื่องมือไหนเหมาะกับใคร

1. ChatGPT ครบเครื่องเรื่องเขียนและวิเคราะห์

ถ้าอยากได้เครื่องมือที่ “คุยเหมือนเพื่อน” และยังวิเคราะห์เชิงลึกได้ในตัวเดียว ChatGPT คือชื่อแรกที่หลายคนคิดถึง

จุดเด่น:
🔹 Deep Research Mode: ค้น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลระดับวิชาการ
🔹 รองรับหลายไฟล์: ใส่ PDF หรือภาพแล้วให้สรุปได้ทันที
🔹 Custom GPTs: ปรับแต่งให้ตรงโจทย์ เช่น “GPT การตลาดไทย” หรือ “GPT วิจัยการศึกษา”

ข้อจำกัด:
🔹Hallucination: ยังมีโอกาสตอบผิด อ้างอิงไม่ตรง 100%
🔹เวอร์ชันฟรีมีโควต้า: จำกัดจำนวนครั้ง Deep Research ต่อเดือน ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง

👉 สรุป : เหมาะกับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ผสมการวิเคราะห์ เช่น รายงานเชิงนโยบาย บทสรุปการตลาด หรือข้อเสนอโครงการ

2. Perplexity AI: “ตอบตรง ตรงไปตรงมา อ้างอิงชัด”

ใครทำงานวิชาการจะรู้ดีว่า คำตอบไม่สำคัญเท่าที่มา ซึ่ง Perplexity จะช่วยค้นหาแหล่งที่มาได้อย่างแม่นยำ

จุดเด่น:
🔹 Real-time Search: ค้นจากเว็บจริง และแสดง Citation ทุกครั้ง
🔹 Deep Research Mode: เน้นฐานข้อมูลล่าสุด เช่น ข่าว งานวิจัย เว็บเชิงวิชาการ
🔹 ความแม่นยำสูง: โดย Benchmark อย่าง SimpleQA เคยทดสอบความแม่นยำได้ถึง 93.9%

ข้อจำกัด:
🔹 คำตอบออกแนว “รายงาน” มากกว่าสนทนา
🔹 Ecosystem ยังเล็ก ไม่มี GPT Store หรือ plugin ให้ปรับแต่งเยอะ
🔹 งานที่ต้องตีความเชิงลึกอาจยังไม่ตอบโจทย์

👉 สรุป : เหมาะกับงานวิชาการ, รายงานวิชาชีพ, แผนการตลาดที่ต้องการข้อมูลข่าวสารล่าสุด และข้อมูล้างอิงจริง

3. Claude: ลึก ละเอียด แต่ไม่รีบร้อน

Claude มักถูกมองว่าเป็น AI ที่ “เขียนได้สวย” และ “คิดรอบด้าน” โดยเฉพาะเวลาจัดการข้อมูลจำนวนมาก

จุดเด่น:
🔹 Context Window ใหญ่: อ่านเอกสารยาวหลายแสนคำ
🔹 โทนการเขียนธรรมชาติ: ใกล้เคียงมนุษย์ เหมาะกับรายงานหรือสรุปเชิงวิเคราะห์
🔹 Privacy สูง: ตอบโจทย์องค์กรที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล

ข้อจำกัด:
🔹 ฟีเจอร์ขั้นสูงอาจช้าและแพง
🔹 Realtime Search ยังไม่เด่นเท่า ChatGPT/Perplexity

👉 สรุป : เหมาะกับงานเอกสารยาว ๆ เช่น วิเคราะห์เชิงนโยบาย สรุปบทเรียนจากงานวิจัยหลายชิ้น หรือ proposal ขนาดใหญ่

4. Gemini: AI ที่โตมากับ Google

Gemini คืออาวุธลับจาก Google ที่เชื่อมกับ ecosystem ที่คนไทยใช้บ่อย เช่น Gmail, Docs, Sheets, Drive

จุดเด่น:
🔹 Integration ตรงกับ Google Workspace ทำให้ workflow องค์กรลื่นไหล
🔹 Fact-checking เชื่อม Google Search ตรวจสอบข้อมูลได้เร็ว
🔹 เหมาะกับการทำงานเอกสารร่วมกัน งานที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่ใช้กันทุกวัน

ข้อจำกัด:
🔹 ภาษาไทยยังไม่แข็งเท่า ChatGPT/Perplexity
🔹 ฟีเจอร์บางอย่างยังอยู่ระหว่างพัฒนา

👉 สรุป : เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Google Workspace ต้องการอัปเดตข้อมูลและทำงานร่วมกัน

ai tools for research

Checklist เลือกยังไงให้ตรงโจทย์คนไทย

✅ นักวิชาการ → เลือก Perplexity เพราะ citation สำคัญ
✅ นักการตลาด/ครีเอทีฟ → เลือก ChatGPT คิดสร้างสรรค์ได้
✅ งานเอกสารราชการ/วิจัยเชิงนโยบาย → เลือก Claude เพื่อความละเอียด
✅ องค์กรที่อยู่บน Google ecosystem → เลือก Gemini

ท้ายที่สุด AI แต่ละตัวมีสไตล์ต่างกัน คำตอบจึงไม่ใช่ว่า “ใครเก่งที่สุด” แต่คือ “ใครเหมาะกับงานเราที่สุด” และไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ตัวไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การตรวจสอบและตีความด้วยวิจารณญาณมนุษย์

——
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
——

Sources
https://www.wsj.com/tech/ai/deep-research-google-search-cdf7e5ae
https://www.perplexity.ai/hub/blog/introducing-perplexity-deep-research
https://www.techradar.com/best/best-ai-tools
https://www.thesun.co.uk/tech/36428010/what-is-perplexity-ai/
https://zapier.com/blog/claude-vs-chatgpt/
https://www.index.dev/blog/best-ai-tools-for-deep-research