ไอเดียตัน เขียนงานไม่ทัน? AI Writing Tools ช่วยได้ เครื่องมือที่คนทำงานยุคนี้ควรมี
ไอเดียตัน เขียนงานไม่ทัน? AI Writing Tools ช่วยได้ เครื่องมือที่คนทำงานยุคนี้ควรมี
AI
5 นาที
18 ธ.ค. 2025
แชร์
Table of contents
ในยุคที่ “คอนเทนต์” คือหัวใจของธุรกิจ หลายทีมต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน “ไอเดียไม่มา เวลามีไม่พอ”
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดที่ต้องปั่นโพสต์ทุกวัน ผู้ประกอบการที่ต้องเขียนรายละเอียดสินค้าจำนวนมาก นักเขียนที่ต้องต่อสู้กับหน้ากระดาษว่างเปล่าในทุกเช้า หรือผู้นำทีมที่ต้องสื่อสารให้ชัดและเร็ว การผลิตเนื้อหาให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
คำถามสำคัญคือ “จะทำงานให้เร็วขึ้น แต่คุณภาพดีขึ้นได้อย่างไร?”
AI Writing Tools คือคำตอบที่ช่วยให้เรา “ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์” อีกต่อไป เพราะ AI สมัยนี้ช่วยคุณได้ตั้งแต่ “คิดหัวข้อ” ไปจนถึง “ปรับสไตล์” ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
AI Writing Tools คืออะไร?
AI Writing Tools คือเครื่องมือที่ช่วย สร้าง ร่าง และปรับแต่งเนื้อหา จากข้อมูลที่คุณป้อนเข้าไป สามารถสร้างสรรค์ได้หลายรูปแบบ ทั้งบทความ คำโฆษณา Social posts หรือ Landing page
สิ่งสำคัญคือ AI ไม่ได้มาแทนมนุษย์ ไม่สามารถใส่อารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งแบบที่มนุษย์ทำได้ แต่ทำหน้าที่เป็น Productivity Booster ที่ช่วยคุณลดเวลางานซ้ำซาก และเพิ่มเวลาให้กับ “กลยุทธ์ + ความคิดสร้างสรรค์” มากขึ้น
ทำไมต้องเลือกเครื่องมือให้ใช่?
ปัจจุบันการมีเครื่องมือ AI กลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่คนทำงานต้องเรียนรู้และใช้ให้เป็น แม้หลายเครื่องมือใช้ สอมง หรือ AI Model ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ทำให้แต่ละตัวแตกต่างกันคือ วิธีการใช้งานและ Workflow ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าเครื่องมือไหนที่ “ใช่” มากที่สุด
หลักการเลือกเครื่องมือ AI ให้ใช่กับงานของเรามากที่สุด
✅ คุ้มค่ากับราคา
✅ ใช้งานง่าย เรียนรู้เร็ว พร้อมใช้งานได้ทันที
✅ ปรับโทนเสียงแบรนด์ได้ (Tone Customization) ไม่ว่าจะทางการ เป็นกันเอง หรือตลกขบขัน
✅ คุณภาพใกล้เคียงงานพร้อมใช้มากที่สุด
แนะนำ 10 AI Writing Tools ที่ช่วยแก้ปัญหา “ไอเดียตัน”

1. Writesonic – ครบเครื่องสำหรับ Content Marketing + SEO
เป็นเครื่องมือระดมสมองหาไอเดียที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven editor) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพคอนเทนต์ผ่านการทำ SEO ในตัว
✅ มีเครื่องมือย่อยจำนวนมาก
✅ เขียน Blog Post, รายละเอียดสินค้า, Facebook Ads, Workflow สำเร็จรูปสำหรับเขียนบทความยาว + ฟีเจอร์ Meta Descriptions
✅ แผน Premium สร้างได้ไม่จำกัด (Unlimited generations) เหมาะกับเอเจนซี่หรือธุรกิจที่ต้องผลิตงานปริมาณมากและหลากหลาย
2. Jasper – เครื่องมือสายการตลาดครบวงจร
เดิมชื่อ Jarvis หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเครื่องมือ All-in-one สำหรับนักการตลาด ที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพระดับสูง
✅ มีเทมเพลตคอนเทนต์กว่า 50 แบบ ที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายได้
✅ รองรับกว่า 25 ภาษา
✅ มีระบบ Jasper Chat ที่เทรนมาเพื่อความรู้ด้านการตลาดโดยเฉพาะ
✅ ดูโปรเจกต์ผ่านมุมมอง Kanban หรือปฏิทินร่วมกับทีมได้
✅ สร้างรูปภาพประกอบคอนเทนต์ได้ในตัว
⚠️ ราคาค่อนข้างสูง
3. Copy.ai – เพื่อนคู่คิดยามสมองตัน
เหมาะกับนักเขียนออนไลน์และนักการตลาดที่ต้องการไอเดียสั้น ๆ เร็ว ๆ เขียน Copywriting สั้น ๆ เช่น แคปชั่น, หัวข้ออีเมล, ข้อความโฆษณา
✅ มีเครื่องมือช่วยสร้างไอเดียคอนเทนต์ สโลแกนแคมเปญ
✅ รองรับ 25 ภาษา
✅ มีฟีเจอร์ปรับโทนเสียงให้เข้ากับแบรนด์ได้หลากหลาย
✅ มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้
4. Grammarly – มาตรฐานเรื่องความถูกต้องของภาษา
ไม่ใช่แค่โปรแกรมตรวจคำผิด แต่ดูแลเรื่องไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค และโทนเสียง ให้ดูเป็นมืออาชีพ รักษามาตรฐานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยขัดเกลาอีเมลหรือเอกสารสำคัญก่อนส่งออกไปหาลูกค้า
✅ ตรวจคำผิด ดูแลเรื่องไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค โทนเสียง
✅ Plagiarism checker ตรวจสอบการคัดลอกผลงาน
5. Buffer AI Assistant – สำหรับสาย Social โดยเฉพาะ
เข้าใจบริบทแต่ละแพลตฟอร์ม Social Media และการนำคอนเทนต์มาเล่าใหม่
✅ ฝังตัวอยู่ใน Workflow การโพสต์ไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา
✅ Personalized post ideas ช่วยคิดคอนเทนต์จากกลุ่มเป้าหมาย
✅ Repurpose ที่ช่วยแปลงบทความยาว ๆ ให้กลายเป็นโพสต์สั้น ๆ หรือเปลี่ยนโพสต์เก่าที่เคยปังให้กลับมาสดใหม่อีกครั้ง
✅ ใช้งานได้ไม่จำกัด (Unlimited)
6. Claude.ai – นักคิดเชิงลึกและนักระดมสมอง
เหมาะสำหรับงานเขียนที่ต้องการเหตุผล ความเข้าใจบริบท และการระดมสมอง (Brainstorm)
✅ อ่านและทำความเข้าใจบริบทที่ซับซ้อน (Contextual understanding) ได้ดี
✅ วิเคราะห์ไอเดีย หรือหาช่องโหว่ในงานเขียน
✅ สไตล์การเขียนเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย
7. Wordtune – ผู้ช่วย Rewrite ตัวตึง
เหมาะสำหรับการปรับปรุงงานเขียน (Polishing & Rewriting) ให้ภาษาสวย อ่านแล้วไหลลื่นขึ้น
✅ เน้นการ Rewrite
✅ เลือกโทนได้หลายแบบ (ทางการ, เป็นกันเอง, ย่อให้สั้นลงหรือขยายความให้ยาวขึ้น)
✅ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ (Non-native speakers) ช่วยให้เขียนงานได้มั่นใจขึ้น
✅ มีระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงที่แม่นยำ โดยเช็คจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่างน้อย 5 แหล่ง
8. Koala: ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO
ตัวช่วยในการเขียนบทความเพื่อหวังผล SEO ที่ google ให้ความสำคัญ
✅ Deep research ค้นหาข้อมูลจริง ลดปัญหา Hallucination
✅ ฟีเจอร์ SEO อัจฉริยะ (Internal links, วิเคราะห์ Keyword จากคู่แข่ง, เพิ่ม FAQ)
9. Sudowrite – สำหรับนิยายและงานสร้างสรรค์
มีโมเดล “Muse” ที่ออกแบบมาเพื่อการเขียนเชิงสร้างสรรค์และนิยาย (Fiction) โดยเฉพาะ
ช่วยแต่งต่อ หรือ Rewrite เพื่อปรับเปลี่ยนสำนวนให้สละสลวยขึ้น
✅ ฟีเจอร์ Describe ช่วยบรรยายฉากหรือสิ่งของผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้เห็นภาพ
✅ ฟีเจอร์ Canvas ช่วยวางผังตัวละครและพล็อตเรื่อง
10. เครื่องมือเสริมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สามารถใช้ตามโจทย์เฉพาะทาง เช่น
🔹Lex & Type: แก้ไขงานยาว ๆ / ตรวจสอบความลื่นไหลของเนื้อหา (คล้าย Google Docs)
🔹INK Editor: เน้นการเขีย Co-writing เพื่อทำ SEO / มีคะแนนแนะนำแบบเรียลไทม์
🔹Anyword: ทำนายผลลัพธ์ (Predictive Performance) ว่าข้อความไหนจะทำยอดขายได้ดีสุด
🔹Hyperwrite: ใช้ NLP ขั้นสูงเปลี่ยนบรีฟสั้น ๆ ให้เป็นย่อหน้าที่สมบูรณ์
🔹Lightkey: ช่วยพิมพ์ตามที่คาดการณ์คำล่วงหน้าได้ถึง 18 คำ พิมพ์งานได้เร็ว
🔹Lyne.ai: ช่วยเขียนบทนำอีเมลหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้นับร้อยฉบับในเวลาอันสั้น
AI เข้าไปอยู่ใน Workflow ได้อย่างไร?
การใช้ AI ในงานเขียนไม่ได้ใช้แค่ Promt-กดปุ่ม-รอ แต่ช่วยคุณได้ในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น
🔹Ideation – ระดมสมอง เสนอหัวข้อ หรือมุมมองใหม่ ๆ ที่นึกไม่ถึง
🔹Drafting – ร่างเนื้อหา เพื่อให้มีฐานข้อมูลไปต่อยอด
🔹Editing – ขัดเกลาภาษาให้ถูกต้อง
🔹SEO – เช็กคีย์เวิร์ด
🔹Research – สรุปข้อมูล
🔹Tone – ปรับโทนการเขียนให้เหมาะสมกับแบรนด์
AI สัญญาณเตือนภัยสำหรับนักเขียนหรือคนทำคอนเทนต์ แต่เป็นโอกาสที่ช่วยปลดล็อกจากงานซ้ำซากจำเจ ช่วยให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับ “ความคิดสร้างสรรค์” และ “กลยุทธ์” มากขึ้น
บริษัทที่รู้จักนำเครื่องมือเหล่านี้มาปรับใช้ จะสามารถผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ สม่ำเสมอ และรวดเร็ว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะคู่แข่งในยุคดิจิทัล
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ AI ใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “เริ่มลองใช้” และหาวิธีให้มันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Workflow ของคุณ จงจำจำไว้เสมอว่า AI ไม่ได้มาเพื่อแย่งงานคุณ แต่คนที่ใช้ AI เป็นต่างหากที่จะเข้ามาแทนที่คนที่ใช้ไม่เป็น
———-
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะคนในองค์กรด้วย AI–People Enablement Solutions
📩 ติดต่อ: [email protected]
📞 โทร. 082-297-9915 (คุณโรส)
———-
Sources:
mailchimp.com
buffer.com