จาก Buzzword สู่แรงกระแทก: เมื่อ AI เริ่มเปลี่ยนโลกจริง แม้ยังเป็นเพียง “Early Stage”

จาก Buzzword สู่แรงกระแทก: เมื่อ AI เริ่มเปลี่ยนโลกจริง แม้ยังเป็นเพียง “Early Stage”

AI

2 นาที

12 ก.ย. 2025

แชร์

จาก “Buzzword” ที่เคยเป็นเพียงคำฮิตในวงการเทคโนโลยี วันนี้ AI กำลังก้าวข้ามจุดทดลองเล็ก ๆ ไปสู่พลังที่สร้างผลกระทบจริงต่อธุรกิจและชีวิตประจำวัน

วันนี้เราได้สรุปสาระสำคัญจาก Session From Hype to Impact: AI in Action โดยคุณศิเวก สัจเดว, Co-Founder, ServiceMind Asia Co.,Ltd. ในงาน #TDANEXT2025 ได้สะท้อนชัดว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมืออีกต่อไป แต่คือแรงขับเคลื่อนที่จะกำหนดอนาคตองค์กรและสังคม

เส้นทาง AI จาก “Hype” สู่ “Impact”

“AI ในอดีตเป็นเพียงแค่ Buzzword”
หากมองย้อนกลับไป 6-7 ปีก่อน “AI” ยังเป็นเพียงแค่คำฮิต (Buzzword) ที่ถูกพูดถึงในบางกลุ่ม เช่น Chatbots ตอบคำถามง่าย ๆ หรือโมเดลตรวจจับแมว แต่ยังไม่เกิดผลลัพธ์จริง เพราะต้องสร้างโมเดลจำนวนมาก

Generative AI เป็นตัว “เปลี่ยนเกม”
การมาของ ChatGPT, Gemini, MidJourney ฯลฯ ได้เข้ามาเปลี่ยนเกม ทำให้ AI ไม่ได้เป็นแค่เดโม่อีกต่อไป แต่เริ่มใช้งานจริงทั้งในชีวิตประจำวันและธุรกิจ

สถานะปัจจุบัน: ยังเป็นเพียง “Early Stage”

คุณศิเวกมองว่า AI วันนี้ยังเป็น “Early Stage” เหมือนยุคแรกของคอมพิวเตอร์ องค์กรเริ่มใช้ก่อน แล้วจึงขยายสู่ผู้ใช้ทั่วไป และถึงแม้ AI จะเก่งขึ้น แต่ยังไม่ได้แสดงศักยภาพเต็มที่ จุดแข็งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ AI ที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้มากขึ้น เหมือนเลขาส่วนตัวที่รู้ใจ

Impact ของ AI ที่เห็นชัดวันนี้ ได้แก่
▪️ การเขียนโค้ด (Coding + Copilot)
▪️ งานอัตโนมัติ (เอกสาร, อีเมล, สรุปข้อมูล)
▪️ Market Research, Slide Generation
▪️ งานเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน (Everyday Task)

วิธีมอง AI ในวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

1. AI as Tools: พร้อมใช้ทันที เช่น ChatGPT, MidJourney, Copilot, AI coding agents
2. AI Integration: ฝังใน Workflow องค์กร เช่น แชตบอทภายใน, การจัดการสัญญา, Automation ผ่าน n8n/Zapier

ซึ่งสิ่งที่ทำให้ AI เวิร์กในตอนนี้ คือ “One Model, Many Domain” โมเดลเดียวทำได้หลายงาน ครอบคลุมทั้ง Coding, Data, และ Content Creation

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Data Center และ GPU ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะในด้าน การเขียนโค้ดและการทำ Automation และอีกไม่นานนี้จะก้าวสู่ยุค Physical AI เช่น หุ่นยนต์ที่ทำงานแทนมนุษย์มากขึ้

อนาคต AI: โอกาส vs ความเสี่ยง

ในระยะใกล้ ภายใน 1-2 ปี: AI จะกลายเป็น “Personal AI Agent” ที่รู้ใจและช่วยเหลือเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น
ส่วนในระยะกลาง-ยาว: AI จะถูกใช้ในการวิจัยขั้นสูง ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ พัฒนาสู่หุ่นยนต์มนุษย์ (Humanoid Robot) และทำให้การเขียนโค้ดง่ายขึ้น

แต่ AI ก็มี Dark Side ที่เราต้องมองให้เห็น โดย คุณศิเวก แบ่งความเสี่ยงออกเป็น 2 ช่วง
▪️ความเสี่ยงระยะสั้น: การนำไปใช้ผิด เช่น ฟิชชิ่ง, ข่าวปลอม, Cyberattacks, อาวุธชีวภาพ, การดัดแปลงไวรัสด้วยโมเดล
▪️ความเสี่ยงระยะยาว: การเกิด Superintelligence ปัญญาเหนือมนุษย์ที่อาจควบคุมไม่ได้

สรุป : AI ไม่ใช่เพียง “เครื่องมือ” อีกต่อไป

แม้วันนี้ AI ยังอยู่ในช่วง Early Stage แต่ได้พิสูจน์แล้วว่ามี Impact จริงทั้งต่อธุรกิจและชีวิตประจำวัน สิ่งที่องค์กรและคนทำงานต้องตระหนักคือ AI ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่คือ “พลังใหม่” ที่จะกำหนดอนาคต ทั้งสร้างโอกาสมหาศาลและความเสี่ยงที่ต้องรับมือ หากเราไม่เริ่มปรับตัว Upskill และ Reskill ตั้งแต่วันนี้ วันหนึ่งเราอาจตกขบวนรถไฟแห่งอนาคตที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงชื่อว่า “AI” อย่างแน่นอน

📌  สุดท้ายนี้ หากผู้บริหารหรือผู้นำที่ต้องการยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจในยุคที่ AI Disruption ให้ TDA เป็นที่ปรึกษาด้าน Corporate In-House Training  👉 ติดต่อ [email protected] หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)