“The time to act is now.” – ถึงเวลาที่องค์กรต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง

เมื่อเรากำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงใหม่ ที่ ‘AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริม’ แต่กลายเป็น พลังขับเคลื่อนที่มีบทบาทอย่างลึกซึ้งในทุกการตัดสินใจและกระบวนการทำงาน

AI วันนี้เปรียบเสมือน “Intelligence on tap” หรือระบบอัจฉริยะที่เปิดใช้งานได้ตลอดเวลา และกำลังเข้ามาเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ให้กับ “งานสายความรู้” (Knowledge Work) อย่างสิ้นเชิง

องค์กรจึงไม่สามารถมอง AI เป็นเรื่องอนาคตได้อีกต่อไป แต่ต้องเริ่มออกแบบโครงสร้างองค์กรและระบบการทำงาน เพื่อรองรับยุคที่ AI จะกลายเป็น ‘ทีมงานเสมือน’ ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกระดับ

Microsoft ได้เปิดเผยภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไว้ในรายงาน Work Trend Index 2025 ที่สำรวจพนักงานกว่า 31,000 คน จาก 31 ประเทศทั่วโลก

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ‘AI จะไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ’ แต่จะกลายเป็น “เพื่อนร่วมทีมดิจิทัล” ที่ทำงานเคียงข้างมนุษย์ และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรอย่างถอนรากถอนโคน

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าองค์กรแนวหน้า (Frontier Firms) กำลังปรับตัวอย่างไร และเราควรเริ่มต้นอย่างไรในฐานะ “หัวหน้าทีม AI”

Frontier Firm จุดเริ่มต้นขององค์กรลูกผสมระหว่างคนและ AI

Microsoft เรียกองค์กรกลุ่มใหม่นี้ว่า “Frontier Firms” องค์กรแนวหน้าที่มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และคาดว่าในอีก 2–5 ปีข้างหน้า องค์กรส่วนใหญ่ทั่วโลกจะเข้าสู่เส้นทางนี้ โดย…

📌 82% ของผู้นำองค์กรมองว่าปีนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ
📌 81% คาดว่าจะนำ AI agents มาใช้งานในระดับ “ปานกลางถึงมาก” ภายใน 12-18 เดือน
📌 24% ขององค์กรมีการนำ AI ใช้ในระดับองค์กรแล้ว
📌 มีเพียง 12% เท่านั้นที่ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้

ลักษณะของ Frontier Firm : องค์กรลูกผสมระหว่างคน + AI agents

คุณลักษณะของ Frontier Firms องค์กรแห่งอนาคตจะมีลักษณะร่วมกันคือ

    •  ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและ AI แบบ “เปิดใช้งานได้ตลอดเวลา” (Intelligence on tap)
    •  มีโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่น แบบ agile team
    •  มีทีมที่ผสมผสานระหว่างมนุษย์และ AI agents

3 ขั้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Frontier

Microsoft เสนอโมเดลการเปลี่ยนผ่านองค์กรออกเป็น 3 ระยะ คือ

1. Human + AI Assistant: มนุษย์ + ผู้ช่วย AI

พนักงานแต่ละคนมีผู้ช่วย AI ส่วนตัว ช่วยจัดการงานเอกสาร สรุปรายงาน ตอบคำถาม ฯลฯ ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น

2. Human-Agent Teams: ทีมผสมมนุษย์-AI agents

ผนวก AI agents ในฐานะ “เพื่อนร่วมทีมดิจิทัล” เข้ามาทำงานร่วมกับทีม รับมอบหมายงานเฉพาะทางแทนมนุษย์ในบางอย่าง เช่น วิเคราะห์ข้อมูล เขียนโค้ด ส่งอีเมล ฯลฯ

3. Human-led, Agent-operated: มนุษย์กำหนดทิศทาง – AI ดำเนินการ

มนุษย์เป็นผู้นำกำหนดทิศทางและเป้าหมาย แล้วให้ AI agents ดำเนินการตาม workflow โดยอัตโนมัติ ตรวจสอบโดยมนุษย์เป็นระยะ ทีมขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายมากกว่าโครงสร้างแผนกแบบเดิม

Agent Boss: ถึงเวลาที่ทุกคนต้องเป็นหัวหน้าของ AI

ในยุคของ AI แค่ “ใช้เป็น” อาจไม่เพียงพออีกต่อไป พนักงานในทุกระดับต้องก้าวไปอีกขั้นด้วยการ “บริหาร AI ให้เป็น”

✅ เป็นหัวหน้าทีมของ AI agents ที่พร้อมทำงานข้างเคียงเสมือนเป็นลูกทีมดิจิทัล ไม่ต่างจากการบริหารคนจริง ๆ
✅ พนักงานต้องมีทักษะใหม่ในการสั่งงาน กำกับ และประเมินผลการทำงานของ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ ออกแบบงานให้เหมาะกับ AI และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์รวมถึงการเรียนรู้ของ AI ด้วย

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือผู้บริหาร ทุกคนต้องเริ่มคิดและทำงานแบบ “CEO ของสตาร์ตอัป” ที่มีทีมงานเป็น AI ต้องออกแบบบทบาทของ AI ให้ชัดเจน เช่น สั่งงานให้วิเคราะห์ข้อมูล มอบหมายการค้นคว้าวิจัย ให้ช่วยสรุปรายงาน หรือจัดการงานประจำ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์ พร้อมสอนให้ AI เรียนรู้และเก่งขึ้นเรื่อย ๆ

นี่คือจุดเปลี่ยนจาก “คนใช้ AI” สู่ “ผู้นำทีม AI” ที่ทุกองค์กรต้องเตรียมคนให้พร้อม

7 ตัวชี้วัด mindset ใครพร้อมเป็น Agent Boss?

การจะเป็น Agent Boss ไม่ใช่แค่ใช้ AI ได้ แต่ต้องมี “แนวคิดแบบผู้นำ” ที่รู้จักบริหาร AI เป็นทีมงานดิจิทัลอย่างแท้จริง โดย Microsoft ได้ระบุ 7 ตัวชี้วัดสำคัญ ที่ช่วยประเมินว่าใครกำลังมี mindset แบบหัวหน้า AI Agent อยู่ในตัว ดังนี้

1. คุ้นเคยกับการใช้งาน AI Agents เป็นประจำ
2. ใช้งาน AI ช่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
3. เห็นผลชัดเจนจากการใช้ AI ช่วยประหยัดเวลา
4. ไว้ใจให้ AI ช่วยทำงานที่สำคัญหรือซับซ้อนได้
5. มองว่า AI เป็นตัวช่วยส่งเสริมอาชีพ ไม่ใช่คู่แข่ง
6. คาดหวังว่าจะต้องมีทักษะในการบริหาร AI ให้ได้ผล
7. ใช้ AI เป็นคู่คิดเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่เครื่องมือเฉพาะกิจ

📋มีข้อมูลที่น่าสนใจรายงานว่า…

✅ ปัจจุบัน พนักงานกว่า 10% ที่ได้งานบน LinkedIn ‘มีตำแหน่งที่ไม่เคยมีมาก่อนปี 2000’
✅ 70% ของทักษะที่ใช้ทำงานในวันนี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปภายในปี 2030
✅ ทักษะที่มาแรงที่สุดในปี 2025 คือ AI Literacy

AI ไม่ได้มาแย่งงาน แต่มาเขียนนิยามใหม่ของงาน ใครปรับตัวได้เร็วกว่าจะกลายเป็นผู้นำในยุคใหม่ที่ไม่ได้แค่ “อยู่รอด” แต่ “ไปได้ไกลกว่า” ในสายอาชีพ

เมื่อ AI agents จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำในทุกวัน ทุกคนในองค์กรต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่ในการเป็น “หัวหน้าทีม AI” ซึ่งกำลังกลายเป็นทักษะพื้นฐานของคนทำงานทุกระดับ แล้วคุณพร้อมเป็น Agent Boss หรือยัง?

ความท้าทายและอุปสรรคที่ต้องจับตาในมุม Microsoft

แม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ Microsoft ชี้ว่ามี “ช่องว่างสำคัญ” ที่องค์กรต้องรับมือ

1. Adoption Gap: ช่องว่างทางความคิดระหว่างผู้นำและพนักงาน

แม้จะมีถึง 67% ของผู้นำองค์กร คุ้นเคยกับ AI agents แต่มีเพียง 40% ของพนักงานเท่านั้นที่รู้จักหรือเข้าใจ นี่อาจกลายเป็นช่องว่างในการยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้

2. Capacity Gap: ช่องว่างระหว่างความคาดหวังขององค์กร กับ สิ่งที่พนักงานสามารถทำได้จริง

พนักงานจำนวนมากรู้สึกว่าไม่มีเวลา เครื่องมือ หรือพลังในการปรับตัว องค์กรจึงจำเป็นต้องเติมช่องว่างนี้โดยการลงทุนในการฝึกอบรม และสื่อสารที่ชัดเจน
อนาคตไม่ใช่ของคนเก่งที่สุด แต่เป็นของคนที่ “เรียนรู้ได้เร็วที่สุด”

ท่ามกลางกระแสของเทคโนโลยีและความไม่แน่นอนในโลกการทำงาน มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ ความมั่นคงในอาชีพไม่ใช่สิ่งที่การันตีได้อีกต่อไป เห็นได้จาก…

📍52% ของพนักงาน และ 57% ของผู้นำยอมรับว่า ‘รู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน’
📍ตลาดแรงงานกำลัง “เย็นตัวลง”
📍81% ของพนักงานไม่ได้ย้ายงานเลยในปีที่ผ่านมา

ในขณะที่โอกาสใหม่ ๆ กำลังเกิดขึ้น ทักษะที่เป็นที่ต้องการก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นอกจากทักษะเชิงมนุษย์ที่กำลังเป็นที่ต้องการสูงขึ้น เช่น

📈 การคลี่คลายความขัดแย้ง (Conflict Mitigation)
📈 การปรับตัว (Adaptability)
📈 การทำงานอัตโนมัติในกระบวนการ (Process Automation)
📈 ความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)

แต่ทักษะที่กำลัง “มาแรงที่สุด” ในปี 2025 คือ “AI Literacy” ความสามารถในการเข้าใจ เข้าถึง และใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ

ยุคใหม่ของการทำงานไม่ใช่แค่การเรียนรู้เครื่องมือใหม่ แต่คือการเรียนรู้ วิธีทำงานกับ AI อย่างมีกลยุทธ์ ผู้ที่เข้าใจ AI และรู้จักบริหาร AI agents อย่างมีประสิทธิภาพ จะกลายเป็นผู้นำแห่งอนาคตขององค์กร

องค์กรที่ต้องการเติมช่องว่างระหว่าง AI กับ มนุษย์ เพื่อดึงศักยภาพของพนักงานให้กลายเป็น Agent Boss โดยการลงทุนในการฝึกอบรม ขอแนะนำรู้จักกับ AI Leadership Excellence Workshop ลงลึกถึงขั้นปฏิบัติกับกูรูผู้รู้จริงในการนำ AI ไปสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและบริหารกำลังคนและ AI ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

——
Sources:
https://www.microsoft.com/en-us/worklab/work-trend-index/2025-the-year-the-frontier-firm-is-born
https://www.geekwire.com/2025/meet-your-new-ai-teammate-microsoft-sees-humans-as-agent-bosses-upending-the-workplace/
https://www.microsoft.com/en-us/worklab/work-trend-index/2025-the-year-the-frontier-firm-is-born#section-agent-boss

——
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions 
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
——