งานไหนให้คนทำ งานไหนให้ AI ช่วย จัดการด้วย The AI Collaboration Spectrum
งานไหนให้คนทำ งานไหนให้ AI ช่วย จัดการด้วย The AI Collaboration Spectrum
Business
4 นาที
08 ส.ค. 2025
แชร์
Table of contents
งานไหนให้ “AI” ทำ หรืองานไหนควรใช้ “คน” ดีกว่า?
นี่คือคำถามสำคัญของหลายทีมที่เริ่มนำ AI มาใช้ในองค์กร แม้ทุกคนจะเห็นประโยชน์ของ AI แต่คำถามคือ… เราจะใช้อย่างไรให้ได้ผล? งานแบบไหนที่เหมาะสมกับ AI แล้วงานแบบไหนที่มนุษย์ยังตอบโจทย์มากกว่า?
บทความนี้จะแนะนำให้รู้จักกับแนวคิด Human-AI Collaboration และ โมเดล AI Collaboration Spectrum ที่ช่วยให้ทีมและองค์กรรู้ว่า “งานไหนให้ AI ทำ งานไหนให้คนทำ” พร้อม 5 ขั้นตอนออกแบบแผนการทำงานร่วมกับ AI อย่างเป็นระบบ
วางแผน Human–AI Collaboration อย่างเป็นระบบ
ปัจจุบันกว่า 50% ขององค์กรทั่วโลก ใช้ AI อย่างน้อยหนึ่งฟังก์ชันในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Copilot, Google Gemini, GitHub Copilot หรือ ChatGPT เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพคนทำงาน เช่น นักพัฒนาโปรแกรมที่ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด ซึ่งใช้เวลาน้อยลงถึง 55% เมื่อเทียบกับการทำงานโดยไม่ใช้ AI
แต่การนำ AI มาใช้ไม่ใช่แค่เปิดเครื่องมือแล้วทำงาน เพราะหลายองค์กรยังเจอปัญหา เช่น
🔹 ขาดความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ของ AI
🔹 ข้อจำกัดด้านเทคนิคและข้อมูล
🔹 พนักงานกังวลว่าจะถูกแทนที่
นี่คือเหตุผลที่เราต้องเปลี่ยนมุมมองจาก “การใช้ AI” ไปสู่การสร้าง Augmented Intelligence หรือการทำงานที่คนและ AI เสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน
แนวคิด Augmented Intelligence: เมื่อคน + AI เก่งกว่าทำคนเดียว
Augmented Intelligence คือการออกแบบให้ AI เข้ามา “เสริม” ไม่ใช่ “แทน” มนุษย์ เช่น คิดเร็วขึ้น วิเคราะห์แม่นขึ้น ตัดสินใจได้ไวขึ้น แต่การควบคุมสุดท้ายยังเป็นของมนุษย์
❌ ไม่ใช่ AGI ที่คิดแทนคน
❌ ไม่ใช่ Automation ที่ตัดมนุษย์ออกจากกระบวนการทั้งหมด
✅ แต่คือการใช้ AI “ขยายขีดความสามารถ” ของเรา และให้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังอยู่ในมือคน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น ในวงการแพทย์ ผลวิจัยพบว่าทีมแพทย์ + AI ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าการทำงานเพียงฝ่ายเดียว
จุดแข็งของคนและ AI ที่แตกต่างกัน
จุดแข็งของมนุษย์ | จุดแข็งของ AI |
🔺 ความคิดสร้างสรรค์ | 🔺 ประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก |
🔺 เข้าใจบริบทและอารมณ์ | 🔺 จดจำรูปแบบซับซ้อนได้ดี |
🔺 การตัดสินใจทางจริยธรรม | 🔺 ทำงานสม่ำเสมอ ไม่มีเหนื่อย |
🔺 การสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ | 🔺 ทำงานซ้ำ ๆ ได้เร็วและแม่นยำ |
🔺 ความยืดหยุ่นและการปรับตัว | 🔺 ขยายขนาดงานได้ไม่จำกัด |
4 รูปแบบ Human–AI Collaboration
1. Tiered Review System – AI ทำงานหลัก คนตรวจสอบเมื่อจำเป็น
เหมาะกับงานความเสี่ยงสูง เช่น การเทรดหุ้น AI จัดการธุรกรรมอัตโนมัติ แต่คนเข้ามาตัดสินใจเมื่อเกิดความผิดปกติ
2. Human-in-the-loop – AI ทำงาน คนตรวจสอบทุกขั้นตอน
เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การวินิจฉัยทางการแพทย์ (AI วิเคราะห์ภาพเอ็กซเรย์แล้วหมอจะตรวจซ้ำอีกครั้ง)
3. Hybrid / Centaur Model – คนควบคุม AI ทำงานย่อย
เหมาะกับงานเชิงกลยุทธ์ เช่น นักวิเคราะห์ให้ AI สร้าง Visualization แล้วนำมาวิเคราะห์ต่อ
4. Hybrid / Cyborg Model – คนและ AI ทำงานแบบ Real-time
เป็นการร่วมมือแบบลื่นไหล เช่น ใช้ Copilot เขียนโค้ดพร้อมกัน หรือใช้ ChatGPT เป็นผู้ช่วยระดมไอเดีย
AI Collaboration Spectrum: งานแบบไหนให้ใครทำ?
โมเดลนี้ชี้ว่า งานส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ AI หรือคนเพียงฝ่ายเดียว แต่จะอยู่บนสเปกตรัมที่ผสมผสานกันทั้งสองฝ่ายจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
▶️ งานที่ทำได้ดีด้วย AI ล้วน ๆ : คัดกรองข้อมูล, แปลภาษา, จัดเรียงเอกสาร
▶️ งานที่ต้องใช้ AI ช่วยคน: เขียนรายงาน, สร้างแบบจำลอง
▶️ งานที่ต้องใช้คนทำงานเป็นหลัก: เจรจาต่อรอง, วางกลยุทธ์, สื่อสารกับลูกค้า
ตำแหน่งของแต่ละงานในสเปกตรัมนี้ ปัจจัยสำคัญคือต้องดูบริบท เช่น องค์กรที่มีระบบข้อมูลพร้อม จะใช้ AI ได้มากกว่าองค์กรที่ข้อมูลกระจัดกระจาย
5 ขั้นตอนวางแผนการทำงานกับ AI
1. ประเมินความพร้อมขององค์กร
🔻 ตรวจสอบคุณภาพและโครงสร้างข้อมูล
🔻 ระบบเทคโนโลยีรองรับการเชื่อมต่อ AI หรือไม่ (โครงสร้างพื้นฐานของ IT ในองค์กรสามารถเชื่อมต่อกับ AI Platform ได้ไหม เช่น API, Cloud, Data Pipeline)
🔻 การกำกับดูแลข้อมูล (Governance): ใครควรเข้าถึงข้อมูลประเภทไหน? ต้องมีระบบสิทธิ์ที่ชัดเจน รวมถึงการกำกับดูแลการใช้ข้อมูลที่สอดคล้องกับกฎหมาย
🔻 ความรู้และทัศนคติของบุคลากร: เข้าใจพื้นฐานของ AI ไหม? มีใจเปิดรับหรือกลัวการเปลี่ยนแปลง?
🔻 ความยืดหยุ่นของ Workflow: ถ้าองค์กรมีขั้นตอนที่ตายตัวเกินไป จะนำ AI ไปใช้งานจริงไม่ได้
2. กำหนดเป้าหมายและ Use Case
🔻 เริ่มจากปัญหาหรือโอกาสของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ทำตามเทรนด์
🔻 จัดลำดับ Use Case ด้วย Impact และ Feasibility เริ่มจากสิ่งที่ทำได้จริงก่อน
🔻 วาง Roadmap ระยะสั้น-กลาง-ยาว และ KPI ชัดเจน
3. เริ่มจากการ Pilot Project
🔻 เลือกทีมที่พร้อมและมี Pain Point ชัดเจน
🔻 ให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น (ไม่ใช่แค่ IT หรือ Data)
🔻 เริ่มจากโครงการเล็กแต่มีผลลัพธ์ชัดเจน
🔻 เก็บบทเรียน แชร์เรื่องราวเพื่อต่อยอดไปส่วนอื่น
4. ลงทุนใน Training และ Change Management
🔻 อบรมเทคนิคการใช้ AI (วิธีใช้ Prompt) การตีความผลลัพธ์ และความรู้ด้าน Data
🔻 พัฒนา Soft Skills เช่น การตั้งคำถามเชิงกลยุทธ์
🔻 ตั้งกลุ่ม AI Champion ในทีมช่วยเป็นที่ปรึกษาเพื่อนร่วมงาน
🔻 มีระบบสนับสนุน เช่น AI Office Hour, Workshop รายเดือน และ Feedback Channel
5. ขยายผลและติดตามผลต่อเนื่อง
🔻 วัดผลเชิงปริมาณและคุณภาพ (เวลาที่ประหยัดลง, งานที่ส่งทัน, รายได้, ความพึงพอใจ, ความเปลี่ยนแปลงวิธีคิด)
🔻 ใช้ Balanced Scorecard วัดทั้งประสิทธิภาพและ Well-being
🔻 Scale แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมปรับ Workflow
ตัวอย่างการแบ่งงานระหว่าง AI และคน
▶️ สายกฎหมาย: AI อ่านสัญญา ช่วยให้ทนายไปโฟกัสด้านกลยุทธ์แทน (เช่น COIN ของ JPMorgan ลดเวลาทำงานกว่า 360,000 ชั่วโมง/ปี)
▶️ การแพทย์: AI ตรวจสแกนเบื้องต้น หมอประเมินเฉพาะเคสซับซ้อน
▶️ งานสร้างสรรค์: AI สร้างไอเดียเบื้องต้น ดีไซเนอร์ปรับให้ลงตัว (เช่น นักออกแบบใช้ Midjourney สร้างแนวคิด แล้วมารีไฟน์เองทีหลัง)
AI ไม่ได้มาแทนที่คน แต่ช่วยให้คนทำงานได้ดีและเร็วขึ้น งานไหนที่ซ้ำซากให้ AI ทำ งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และจริยธรรมให้คนทำ
องค์กรที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่มีคือองค์กรที่รู้จักผสมผสาน AI กับคนอย่างเป็นระบบ และรู้ว่าควรให้คนกับ AI ทำงานร่วมกันอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
หากองค์กรของคุณอยากเริ่มต้นการทำ Human-AI Collaboration ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ที่ TDA พร้อมช่วยออกแบบกลยุทธ์และฝึกอบรมทีมของคุณ ลงลึกถึงขั้นปฏิบัติกับกูรูผู้รู้จริงในการนำ AI ไปสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและบริหารกำลังคนและ AI ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
——
Sources:
https://www.liminary.io/blog/human-ai-collaboration-finding-the-sweet-spot-part-1
https://www.liminary.io/blog/human-ai-collaboration-finding-the-sweet-spot-part-ii
https://www.linkedin.com/pulse/navigating-human-ai-collaboration-cognitive-spectrum-robert-atkinson-zkl4c
https://www.linkedin.com/posts/cobusgreyling_stanford-university-just-released-an-human-activity-7340333951053393920-yZJ2
——