ในยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่กลายเป็น “พลังเปลี่ยนโลก” ความสามารถในการ ปรับตัว หรือ Adaptability อาจกลายเป็นทักษะที่ตัดสินได้เลยว่า ใครจะอยู่รอด ใครจะถูกแทนที่

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำระดับองค์กร ผู้ประกอบการ หรือพนักงานทั่วไป สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องเจอคือ “การเปลี่ยนแปลงแบบไม่มีวันหยุด” และความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้คือ “ความเก่งอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป”

เพราะโลกใหม่ต้องการคนที่ กล้าเรียนรู้ กล้าปรับมุมมอง และพร้อมเปลี่ยนตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ทำไม ‘การปรับตัว’ ถึงสำคัญมากในยุค AI?

ย้อนกลับไปยังกรุงเอเธนส์ ในสมัยอาณาจักรกรีกโบราณอันคึกคัก ราว ๆ 300 ปีก่อนคริสตกาล นักปรัชญานามว่า ซีโนแห่งซีเทียม (Zeno of Citium) ได้วางรากฐานของปรัชญาสโตอิก (Stoicism) ซึ่งเป็นทั้งปรัชญาทางจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติในการแสวงหาปัญญาในชีวิต แนวคิดหลักของสโตอิกคือ

“สิ่งที่กระทบเรามิใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรง แต่คือการตีความของเราต่อเหตุการณ์เหล่านั้น”

นักปรัชญาสโตอิกในยุคนั้นเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแยกแยะระหว่าง “สิ่งที่เราควบคุม” ได้กับ “สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้” และสนับสนุนให้เราปล่อยวางความวิตกกังวลในสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจของเรา แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปก็ตาม

หากเราต้องการควบคุมปฏิกิริยาตอบสนองของเรา ท่ามกลางความผันผวนที่น่าตกใจของชีวิต เราจำเป็นต้อง “ตั้งใจเปิดรับ” ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้าง ความแกร่งภายใน สร้างความคุ้นชินกับสิ่งไม่คุ้นเคย และฝึกฝนความสามารถในการปรับตัว ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เรารับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น และขยายกรอบแห่งความทนทาน ( window of tolerance) ต่อการเปลี่ยนแปลงของเราให้กว้างขึ้น

“Adaptability” หรือความสามารถในการปรับตัว จึงเป็นทักษะสำคัญที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบากนั่นเอง

ดังนั้น การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในยุคนี้จึงเป็นเหมือนดาบสองคม นำมาซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานอันเหนือชั้น และโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างนวัตกรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมตลาดแรงงานแบบดั้งเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

และท้ายที่สุดคนที่อยู่รอดในโลกใบนี้ อาจไม่ใช่ ‘คนเก่งที่สุด’ แต่อาจเป็น ‘คนที่เปลี่ยนตัวเองได้เร็วที่สุด’

ถึงเวลาต้อง “เก่งให้ครบ” ไม่ใช่เก่งแค่เรื่องเทคนิคหรือทักษะ

แน่นอนว่าการเรียนรู้ AI, Data หรือ Digital Ethics จะช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้นในยุคของการปรับตัว แต่สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าคือ “Soft Skills” ที่ AI เลียนแบบไม่ได้ เช่น

• การสื่อสาร ที่สร้างความเข้าใจระหว่างคนกับคนและสร้างผลลัพธ์ เช่น การเล่าเรื่อง (storytelling), การโน้มน้าวใจ, การฟังเชิงลึก
• การแก้ปัญหา ที่ใช้เหตุผลและความเห็นอกเห็นใจในการหาทางออกร่วมกัน
• ความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ด้วยการใช้ AI เป็นผู้ช่วยในการหาโอกาสที่มนุษย์อาจคาดไม่ถึง
• ภาวะผู้นำ ที่มีศักยภาพในการรวมทีมให้เดินไปข้างหน้า
• ความยืดหยุ่นในจิตใจ ที่สามารถปลุกให้ลุกขึ้นใหม่ได้ทุกครั้งที่โลกเปลี่ยนแปลง

“Change is the only constant” และคนที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ คือคนที่เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

Check list ตัวเอง กับ 7 คำถามที่วัดว่า…คุณปรับตัวเก่งแค่ไหนในยุค AI?

ในหนังสือ The Wolf Is At The Door ของ Ben Angel ได้สำรวจผลกระทบของ AI ที่มีต่อโลกและชีวิตของเรา โดยพูดถึงเช็กลิสต์ความพร้อม 7 ข้อ ที่ชวนให้เราได้ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเราสามารถปรับตัวได้เก่งแค่ไหน?

✅ 1. คุณจะส่งเสริมแนวคิดแบบ growth mindset ในชีวิตการทำงานของคุณได้อย่างไร?
✅ 2. คุณพร้อมเปิดรับมุมมองที่ขัดแย้งกับสิ่งที่คุณเชื่อหรือเปล่า?
✅ 3. คุณกำลังอัปเกรดตัวเอง เพื่อแข่งขันในสายงานของคุณอย่างไร?
✅ 4. คุณใช้ความยืดหยุ่นในทักษะของคุณสร้างมูลค่าแบบไหน?
✅ 5. ในที่ทำงานมีการคุยเกี่ยวกับเรื่องนโยบาย หรือเรื่องข้อจำกัดบ้างไหม และคุยเรื่องอะไรบ้าง?
✅ 6. คุณได้ลองใช้แนวทางใหม่ ๆ เช่น AI tutor, การเรียนรู้ AI literacy แล้วหรือยัง?
✅ 7. คุณรู้จักเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมของคุณดีแค่ไหน?

เพราะโลกใหม่ไม่รอคนที่ลังเล และ AI ก็ไม่รอให้คุณพร้อมเช่นกัน ฉะนั้น จงเป็นคนที่พร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เพราะในยุคนี้…ไม่ใช่ใครที่เก่งที่สุดจะชนะ แต่คือคนที่ “เปลี่ยนได้เร็วที่สุด” ต่างหากที่จะอยู่รอด

Sources:
https://www.entrepreneur.com/science-technology/how-to-adapt-and-thrive-in-the-ai-era/468639
https://www.linkedin.com/pulse/future-belongs-adaptable-thriving-age-ai-aasna-srivastava-vgmye

——
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions 
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)
——