ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนก็มีเรื่องให้ตัดสินใจทุกวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงสิ่งที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตได้ จะดีแค่ไหนถ้าเราจะตัดสินได้อย่างรอบคอบ และมีเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักประโยชน์ของการใช้ Data-driven Decision พร้อมตัวอย่างบริษัทที่นำมาใช้จริง

Data-driven Decision Making คืออะไร

Data-driven Decision Making คือ การใช้ข้อเท็จจริง (Facts) การวัดผล (Metrics) และข้อมูล (Data) มาเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และความคิดริเริ่มต่างๆ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่องค์กรตระหนักรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของ Data เมื่อนั้นทุกคนในองค์กร ตั้งแต่ Business Analyst, Sales Manager หรือ HR ก็สามารถใช้ Data ในการตัดสินใจได้

8 ประโยชน์ของ Data-driven Decision Making

1. Improved accuracy เพิ่มความแม่นยำ
— การอาศัยข้อมูล และการวิเคราะห์ ทำให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากกว่าการพึ่งพาสัญชาตญาณ หรือความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น

2. Increased efficiency เพิ่มประสิทธิภาพ
— เราสามารถใช้ Data ในการระบุแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และทำนายแนวโน้ม ทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. Better understanding of customers ทำให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
— การดู Data ทำให้เราเข้าใจลูกค้า และความต้องกสารของพวกเขาได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้องค์กรสามารถสร้างสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

4. Reduced risk ลดความเสี่ยง
— เราสามารถใช้ Data ในการระบุความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้องค์กรเลือกตัดสินใจได้โดยรับรู้ถึงความเสี่ยง และเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นได้


5. Improved performance เพิ่มศักยภาพการทำงาน
— สามารถเพิ่มศักยภาพการทำงานของทุกหน่วยงานในองค์กรได้ ตั้งแต่ Sales, Marketing ไปจนถึงฝ่ายสนับสนุนอย่าง Operations และ Finance

6. Increased agility เพิ่มความอไจล์
— ทำให้องค์กรสามารถทำงานแบบ Agile ได้มากขึ้น และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด และสภาพแวดล้อมได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

7. Better decision-making for long-term ตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในระยะยาว
— การศึกษาและวิเคราะห์ Data ที่ผ่านมาในอดีต จะทำให้องค์กรเห็นภาพกว้าง และตัดสินใจสำหรับเรื่องในอนาคตระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น

8. Improved collaboration สนับสนุนความร่วมมือ
— หากให้อนุญาตให้สมาชิกในทีมสามารถเข้าถึงชุด Data เดียวกันได้ จะทำให้เกิดการทำงานแบบร่วมมือ และสื่อสารระหว่างกันในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น

Success Company Case: Coca-Cola

Coca-Cola ใช้ Data มาช่วยลด “ต้นทุน” การโฆษณา โดย Coca-Cola มีผู้ติดตามใน Facebook กว่า 105 ล้านคน และบน Instagram กว่า 2.7 ล้านคน บริษัททำการวิเคราะห์ Data การพูดถึงและภาพสินค้าของแบรนด์ที่ถูกโพสต์โดยผู้บริโภคบนโลกโซเชียลมีเดีย Coca-Cola ได้ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์รูปภาพและข้อมูลขั้นสูง ทำให้สามารถเลือกเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยโฆษณาที่ตรงกับแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น จนได้ CTR (Click Through Rate) ที่สูงขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับวิธีการโฆษณาแบบอื่นๆ

Takeaway: การทำความเข้าใจและระบุกลุ่มเป้าหมายจาก Data คือหัวใจสำคัญของการทำ Marketing ให้เกิดประสิทธิภาพ

การใช้ Data ในการตัดสินใจนอกจากจะทำเพิ่มประสิทธิภาพของการตัดสินใจแต่ละครั้งแล้ว ยังมีประโยชน์ต่องานในระยะยาวด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจอยู่บ่อยๆ จึงไม่แปลกเลยที่จะกลายเป็นศาสตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

Source: asana, tableau, unscrambl, hbr

————————————————-

สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw 
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V 
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra
TiKTok – https://bit.ly/3v8e0wV
YouTube – https://bit.ly/3is5lCx