อนาคตของไทย เริ่มจากการให้คนไทย ‘เลือกเรียนรู้อนาคตของตัวเอง

อนาคตของไทย เริ่มจากการให้คนไทย ‘เลือกเรียนรู้อนาคตของตัวเอง

AI

2 Min

17 Nov 2025

Share

📍สรุปสาระสำคัญจาก Session “Thailand Future of Reskilling & Upskilling: ปลดล็อกศักยภาพให้คนไทย ฝ่าพายุการเปลี่ยนแปลง” โดย คุณไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน จากงาน Work Life Festival 2025 ที่ได้นำเสนอไอเดียในการหาทางออกเรื่องการเสริมทักษะให้กับคนไทย ด้วยคูปองตรงสู่ผู้เรียนที่ครอบคลุมค่าเสียโอกาส

📌 จุดเจ็บของระบบพัฒนาทักษะไทย ทำไมเรายังไปไม่ถึงไหน? 

1. รัฐลงทุนกับทักษะคนไทยน้อยเกินไป
งบพัฒนาทักษะปี 2568 อยู่ที่เพียง 5,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่างบซ่อมถนน (50,000 ล้านบาท) และแหล่งน้ำ (30,000 ล้านบาท) หลายเท่า

2. ต่างคนต่างทำ ไม่มีระบบเชื่อมโยง
แต่ละหน่วยงานมีโครงการ Upskill/Reskill ของตัวเอง แต่ไม่แลกเปลี่ยนข้อมูล ซ้ำซ้อน งบประมาณจึงกระจัดกระจายหรือเป็น “เบี้ยหัวแตก”

3. รัฐคิดแทนตลาดแรงงาน
หลักสูตรที่รัฐสร้างขึ้นมา ไม่ตอบโจทย์จริงของตลาด ทำให้คนเรียนแต่ใช้ไม่ได้จริง ตัวเลขการยกระดับทักษะต่ำกว่าเป้าอย่างมาก

📌 แนวคิดใหม่ “เราเรียนด้วยกัน”

เปลี่ยนบทบาทรัฐจาก “ผู้จัด” เป็น “ผู้สนับสนุนให้คนเรียนรู้ได้จริง”

4. Mega Project เพื่อยกระดับทักษะคนไทย
โดยให้คูปอง (Voucher) แก่ประชาชนโดยตรง สามารถเลือกเรียนเองได้จากหลักสูตรที่เปิดในตลาด

5. เรียนอะไร เรียนที่ไหน ประชาชนเลือกได้เอง
รัฐเพียงสนับสนุน ตรวจสอบ และติดตามคุณภาพ ไม่ใช่ผู้กำหนดทุกอย่าง

6. ปล่อยให้กลไกตลาดคัดกรองคุณภาพคอร์สเรียนเอง
คอร์สไหนคุณภาพดี คนเลือกเยอะ ส่วนคอร์สไหนไม่ตอบโจทย์ ก็จะค่อยๆ หายไปเอง

📌 คูปองเรียนรู้ที่ “ยืดหยุ่น เท่าเทียม และจูงใจได้จริง”

7. ออกแบบคูปองให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้เรียน

🔹 คูปองสำหรับทุกวัย เพื่อเรียนรู้พื้นฐานใหม่ๆ
🔹 คูปองเฉพาะกลุ่ม เพิ่มทักษะใหม่ เพื่อคนที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ
🔹 คูปองสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อส่งพนักงานเข้าฝึกอบรม

8. ครอบคลุมถึง “ค่าเสียโอกาส” ไม่ใช่แค่ค่าเรียน
เพราะการมาเรียนคือการสละเวลาทำงาน รัฐควรสนับสนุนส่วนนี้เพื่อจูงใจให้เรียนรู้ได้จริง

📌 ระบบคอร์สที่เปิดกว้างและแข่งขันได้

9. คอร์สเรียนคุณภาพสูง หลากหลาย และเข้าถึงง่าย
🔹 เปิดรับหลักสูตรจากเอกชน มหาวิทยาลัย หรือสตาร์ทอัป
🔹 รูปแบบการอบรมหลากหลาย เรียนได้ทั้งออนไลน์และออนไซต์ ตามสไตล์ผู้เรียน

10. ทุกคอร์สต้องวัดผลได้จริง
เพื่อให้เงินคูปองถูกใช้ไปกับการเรียนรู้ที่สร้างผลลัพธ์ และคุ้มค่า

📌 สร้างแพลตฟอร์มกลาง “ครบจบในที่เดียว”

เพื่อความสะดวกผู้เรียนครบวงจรในที่เดียว แทนที่จะมีหลายแพลตฟอร์มที่ไม่เชื่อมโยงกัน

11. รวบรวมคอร์สทั้งหมดในที่เดียว (เหมือน Shopee)
รัฐไม่ต้องผลิตคอร์สเอง แต่ทำหน้าที่เป็น Marketplace ให้คนใช้คูปองเลือกเรียนได้เองเหมือนช้อปปิ้งออนไลน์

12. ระบบแนะนำคอร์สที่เหมาะสมกับแต่ละคนด้วยข้อมูล
ช่วยให้แต่ละคนเลือกคอร์สที่ตรงกับความต้องการ

13. จับคู่หางาน (Job Matching)
เหมือน Tinder จับคู่คนที่เรียนจบแล้วกับนายจ้างหรืออุตสาหกรรมที่ต้องการทักษะนั้น

14. ต่อยอดด้วยการจับคู่หาทุน (Funding Matching)
สนับสนุนโอกาสและต่อยอดโอกาสทางการเงินให้ผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วอยากสร้างสิ่งใหม่

📌 สรุปทิ้งท้าย:

15. รัฐต้อง “เลิกคิดแทน” แล้ว “เปิดโอกาสให้คนเลือกเอง”
รัฐไม่จำเป็นต้องผลิตคอร์สเรียนเอง แต่ต้องเป็นตัวเชื่อมระบบทั้งหมด เป็น “แพลตฟอร์มกลาง” ที่ทำให้ผู้เรียน-ผู้ฝึก-ตลาดแรงงาน มาบรรจบกัน

16. ถ้าไทยกล้าลงทุนใน “คน” มากกว่านี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
เพราะ “คน” คือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของประเทศ

การ Reskill ไม่ใช่ภาระของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือภารกิจร่วมกันของ “รัฐ เอกชน และประชาชน” เพื่อให้คนไทยพร้อมสู้กับโลกการทำงานที่เปลี่ยนทุกวัน

———-

📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะคนในองค์กรด้วย AI–People Enablement Solutions
📩 ติดต่อ: [email protected]
📞 โทร. 082-297-9915 (คุณโรส)