Career Never Dies, People Do อย่ารอให้ใครเป็นคนมากำหนดอนาคตงานของเรา

Career Never Dies, People Do อย่ารอให้ใครเป็นคนมากำหนดอนาคตงานของเรา

AI

4 Min

19 Nov 2025

Share

📍 สรุปสาระสำคัญจาก Session “Career Never Dies เมื่อ AI เปลี่ยนโลกการทำงาน มนุษย์ชนะได้ด้วย Mindset” โดย คุณศรัญ คุ้งบรรพต, Head of Talent Management and Organization Culture Department of Leading Financial Institution in Thailand ภายในงาน Work Life Festival 2025

📌 AI เปลี่ยนบทบาท HR อย่างสิ้นเชิง

1. HR ต้องไม่ใช่แค่ดูแลคน แต่ต้องรู้ว่าพนักงานคิดอะไรเกี่ยวกับ AI
เสพข้อมูลแบบไหน และตอบสนองอย่างไร เพื่อออกแบบนโยบายความรู้-ทักษะที่จะช่วยให้ทั้งองค์กรปรับตัวทัน

2. ความกลัว AI ส่วนใหญ่เกิดจาก “ความไม่รู้”
หลายคนถูก ‘คำขู่’ ครอบงำว่าหุ่นยนต์จะมาแทนที่ แต่หากเข้าใจความสามารถและข้อจำกัดของมัน ความกลัวจะลดลง และทำให้เห็นโอกาสใหม่ที่ AI เปิดให้มนุษย์มากขึ้น

3. งานกำลังเข้าสู่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบภายในปี 2030
ข้อมูลจาก Future of Jobs Report โดย World Economic Forum ระบุว่า 34% ของงานทั้งหมด ประมาณ 92 ล้านตำแหน่ง จะถูกทำโดยระบบอัตโนมัติ ซึ่งสะท้อนว่าทุกอาชีพต้องเริ่มปรับบทบาทตัวเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่รอจนสาย

📌 กลุ่มคนทำงานไหนจะได้รับผลกระทบจาก AI Disruption บ้าง?

4. งานในระดับปฏิบัติการจะหายไปมากที่สุด
ข้อมูลจาก WEF ยังบอกอีกว่า งานที่เป็น routine, transactional และบริการต่าง ๆ จะถูกแทนที่มากถึง 60-65% ทำให้คนในสายนี้ต้องเร่ง reskill หนักกว่ากลุ่มอื่น

5. งานออฟฟิศได้รับผลกระทบปานกลาง และต้องปรับบทบาทเป็นผู้ใช้ AI อย่างจริงจัง
White-collar และ Specialists จะถูกกระทบประมาณ 30-35% แต่ยังมีพื้นที่ใหม่ให้เติบโต หากใช้ AI เป็น “ผู้ช่วยเสริมพลัง” แทนการแข่งขันกับ AI

6. ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ประมาณ 5% และหลายคนกลับ “สนับสนุนให้ AI เข้ามา” เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงาน ทำให้ตัดสินใจเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น

7. แม้งาน 92 ล้านตำแหน่งจะหายไป แต่จะเกิดงานใหม่มากถึง 170 ล้านตำแหน่ง
การหายไปของตำแหน่งงานไม่ได้หมายถึงโอกาสที่ลดลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้ทักษะใหม่เกิดขึ้นมากมาย

📌 ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย มนุษย์ก็เอาตัวรอดมาได้เสมอ

8. มนุษย์อยู่รอดมาได้ทุกยุคเพราะ “ความสามารถในการปรับตัว”
มนุษย์ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาตั้งแต่ยุคหิน → ยุคอุตสาหกรรม → ยุคอินเทอร์เน็ต ทุกการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทำให้เกิดงานหรืออาชีพใหม่เสมอ และ AI ก็เป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่มนุษย์พร้อมจะผ่านไปได้เช่นกัน

9. การไม่ปรับตัวคือความเสี่ยงสูงสุด ไม่ใช่การมาของ AI
สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่ AI แต่คือการที่เราเอาแต่กลัวแล้วหยุดนิ่ง ปล่อยให้ตัวเองตกยุค เพราะคนที่ปรับตัวช้า คือคนที่ถูกแทนที่ง่ายที่สุด

10. อย่ารอให้องค์กรเป็นคนกำหนดเส้นทางอาชีพให้เรา
ต้องเป็นผู้สร้างอนาคตอาชีพเอง กล้าตั้งคำถาม กล้าปรับเปลี่ยน และกำหนดก้าวต่อไปด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ

📌 เริ่มต้นออกแบบเส้นทางของตนเอง ด้วยแนวคิดสำคัญ

11. Career Path คือเข็มทิศ – Career Plan คือแผนที่ – Career Passion คือพลังขับเคลื่อน
ใช้ 3 อย่างนี้ร่วมกันเพื่อออกแบบเส้นทางเติบโตที่ชัดเจนและเหมาะกับความต้องการของเราในยุค AI

🔹 Career Path – ออกแบบเส้นทางเอง
มองเส้นทางเติบโตในองค์กรให้ชัด และเป็นคนกำหนดทิศทางอาชีพของตัวเอง ไม่รอให้ใครพาไป

🔹 Career Plan – รู้ว่าจะโตไปเป็นอะไร และเมื่อไหร่
วางแผนตำแหน่งที่อยากไปถึง พร้อมสกิลที่ต้องเติม เพื่อไม่ตกขบวนเวลา AI เปลี่ยนเกม

🔹 Career Passion – มีไฟ ไม่ปล่อยตัวตกยุค
ถามตัวเองเสมอว่า “อยากโตต่อไหม?” เพราะ Passion คือพลังให้เราปรับตัวได้ทันและเดินต่อได้ไม่ล้า

12. ถามตัวเองเสมอว่า “เราอยากเติบโต หรือแค่กลัวตกงาน?”
คำถามนี้ทำให้เรามองเห็นความต้องการภายในจริง ๆ เป็นพื้นฐานในการเลือกเส้นทางพัฒนา และสู้เพื่อโอกาสเติบโตและปรับตัว

13. เรียนรู้ให้เป็นกิจวัตร ไม่ใช่เฉพาะกิจ
เรียนจาก AI ที่ใช้งานจริง เรียนจากประสบการณ์หน้างาน และเรียนจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกสัปดาห์

14. เข้าใจข้อจำกัดของ AI คือกุญแจสำคัญของการอยู่รอด
AI ยังไม่สามารถทำสิ่งที่มนุษย์ทำได้ในหลาย ๆ เช่น ไม่สามารถกำหนดเจตนา, ไม่มีจินตนาการ และไม่เข้าใจความเป็นมนุษย์ในระดับลึก จุดนี้คือพื้นที่ที่มนุษย์ยัง “เหนือกว่า”

📌 ‘Adapt’ อยู่รอด-อยู่ร่วม-อยู่เริด

15. อยู่รอด ‘Survive Mode’ รู้ว่าอะไรคือจุดแข็งมนุษย์ที่ AI ลอกเลียนไม่ได้
การปรับตัวให้อยู่ “รอด” ต้องเข้าใจในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ คือ ความคิดสร้างสรรค์, ความตั้งใจ, ความเห็นอกเห็นใจ และการเชื่อมโยงความรู้จากบริบทต่าง ๆ นี่คือจุดที่มนุษย์ยังชนะขาด

16. อยู่ร่วม ‘Stay Mode’ กำหนดบทบาทตัวเองในการทำงานร่วมกับ AI
การปรับตัวให้อยู่ “ร่วม” กับ AI ได้ดี เราอาจเป็นผู้ควบคุม ผู้ตรวจสอบ ผู้ตั้งโจทย์ หรือผู้ใช้ AI ให้ทำซ้ำงานที่กินเวลา และต้องชัดเจนว่าจะให้ AI ทำอะไรแทนเราได้บ้าง

17. อยู่เริด ‘Succeed Mode’ ใช้ AI เสริมให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นกว่าที่เคย
การปรับตัวให้อยู่แล้ว “เริด” ไม่ใช่แค่ให้ AI ช่วยงาน แต่ใช้เพื่อยกระดับความคิด การสร้างสรรค์ และคุณค่าที่เราทำเพื่อคนอื่นได้

18. AI ไม่ได้มีไว้เพื่อเราคนเดียว แต่สามารถยกระดับครอบครัว ทีม และสังคมให้ดีขึ้นได้
เมื่อรู้ใช้ AI อย่างชาญฉลาด จะทำให้คุณแบ่งเวลามีคุณภาพกับคนรอบตัวได้มากขึ้น

19. เข้าใจว่าอาชีพไหนเสี่ยง อาชีพไหนมั่นคง จะทำให้เรียนรู้และปรับตัวได้ถูกจุด
ข้อมูลนี้ช่วยให้เราวางแผน Upskill/Reskill อย่างคุ้มค่า ไม่เรียนแบบสุ่ม ๆ

20. Career เป็นของเรา ถ้าไม่ดูแลเอง ไม่มีใครทำแทนได้
โลกงานกำลังเปลี่ยนเร็วแบบไม่รอใคร ใครปรับก่อน–ได้โอกาสก่อน ถ้าไม่ปรับ=ร่วง

ในยุคที่ AI เปลี่ยนโลกงานเร็วกว่าเดิมทุกปี สิ่งที่ทำให้มนุษย์รอดไม่ใช่ทักษะเดิม ๆ แต่คือ ความสามารถในการปรับตัว รู้บทบาทของตัวเอง รู้ว่า AI ช่วยอะไรเราได้ และรู้ว่าเราจะก้าวต่อยังไงโดยไม่ปล่อยเส้นทางอาชีพให้ใครกำหนดแทน

ไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำแค่ไหน AI ยังขาดความเป็นมนุษย์ ความเข้าใจ ความเชื่อมโยง และความตั้งใจที่แท้จริง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ยัง “ชนะ” ได้เสมอถ้าเราเลือกพัฒนา

ท้ายที่สุด Career เป็นของเรา
ถ้าเราปรับตัว = อยู่รอดและไปต่อ
ถ้าเราไม่ปรับ = หลุดเกมเร็วกว่าที่คิด

———-

📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะคนในองค์กรด้วย AI–People Enablement Solutions
📩 ติดต่อ: [email protected]
📞 โทร. 082-297-9915 (คุณโรส)