ข่าวใหญ่น่าจับตามองของวงการ Tech เมื่อบริษัท Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับประกาศ Vision ของบริษัทว่าต่อไปนี้จะมุ่งพัฒนา Metaverse นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ที่พวกเราได้อยู่ในยุคที่เห็นเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี จากโลกในชีวิตจริง สู่โซเชียลมีเดีย และกำลังจะไปสู่ Metaverse หรือ “โลกเสมือนจริง” ในอนาคตอันใกล้นี้

‘Metaverse’ แปลว่าอะไร ? ทำไมต้อง Meta?

หลายคนน่าจะรู้ว่าคำว่า -verse มีความว่า “จักรวาล…” หรือ “ภพ…”เช่น คำว่า Universe ที่แปลว่า เอกภพ
ส่วนคำว่า Meta ในภาษากรีกมีความหมายว่า Beyond หรือ “ความล้ำหน้า”
ดังนั้นคำว่า Metaverse จึงมีความหมายสื่อถึง “จักรวาลสุดล้ำแห่งโลกอนาคต” ฟังดูเป็นภาพยนตร์ Sci-fi มาก
แถมเกร็ดเล็กน้อย: ในทวิตเตอร์ก็มีคนออกมาแซวพี่ Mark เล่นๆ ว่าสงสัยพี่ Mark นอนหลับตอนคาบเรียนภาษาฮีบรูแน่ๆเลย เพราะคำว่า Meta ในภาษาฮีบรู แปลว่า “ตาย (dead)” ซึ่งก็กลายเป็นมุขตลกอีกภาษาซะงั้น!

‘Metaverse’ คืออะไร? หน้าตาเป็นอย่างไร?

สำหรับใครที่เคยเล่นเกมออนไลน์บ่อยๆ น่าจะคุ้นเคยกับภาพที่มีเราเป็นผู้บังคับตัวละครในเกมให้ทำกิจกรรมต่างๆ เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เจอเพื่อนในเกม ขอบอกว่าภาพของ Metaverse ในตอนนี้ก็เป็นในลักษณะนั้น ต้องใช้คำว่า “ตอนนี้” เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอะไรมาใหม่อีกไหม อาจจะพลิกโฉมไปอีกก็ได้ แต่โดย Concept คงจะไม่หนีไปจากสิ่งที่เราคุ้นเคยกัน เพียงแต่จะใช่แค่เล่นเกมแล้วจบ แต่เป็นการ “ใช้ชีวิต” ในนั้น สามารถถือครองที่ดินได้ เข้าร่วมอีเว้นท์ ซื้อของโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน

โดย Mark Zuckerberg ให้นิยามของ Metaverse ว่า เป็นสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (Virtual Environment) ที่ผู้คนสามารถ “เข้าไปอยู่ได้” ไม่ใช่แค่เพียงนั่งไถฟีดผ่านหน้าจอเฉยๆ อย่างที่เคย ซึ่งจริงๆแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Facebook มีการเข้าซื้อบริษัทที่ทำเทคโนโลยี VR มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2559 ก็มีการพูดถึงเรื่องการพัฒนาอุปกรณ์ VR Headset ขึ้นมาเองด้วย

ผลจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีอะไรบ้าง

หลังการประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “Facebook Inc.” เป็น “Meta Platforms Inc.” อย่างเป็นทางการ หน้าเว็บไซต์ของบริษัทมีการเปลี่ยน Logo รวมถึงรูปที่พนักงานบริษัทใช้ใน LinkedIn ก็มีการอัปเดตกันรวดเร็วในพริบตา ทางฝั่งสกุลเงินดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับเกมแนว Metaverse อย่างเกม Sandbox และ Decentraland ราคาขึ้นพุ่งกระฉูดจนต้องหาว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ทราบข่าวเปลี่ยนชื่อบริษัท ซึ่งการที่ Facebook ทำ Metaverse ทำให้มีคนคาดการณ์ว่าในโลกของ Metaverse อาจจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ ส่งผลให้ Metaverse Project อื่นๆ เป็นที่จับตามองไปด้วย

มีการคาดการณ์ว่าอนาคตจะมีความเป็นไปได้ใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมากในโลกของ Metaverse ซึ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นไปแล้ว เช่น การชมคอนเสิร์ตเสมือนจริง การจัดงานแสดงศิลปะใน Gallery เสมือนจริง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการรับข้อมูลข่าวสารที่จะเริ่มหลอมรวมระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนมากขึ้น อนาคตเราอาจจะเห็นข้อมูลข่าวสารวิ่งผ่านหน้าขณะใช้ชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริง เช่นขณะนั่งรถก็มีตัวเลขระดับมลพิษในเมืองวันนี้ หรือข้อมูลการจราจรให้ดูด้วย

VR/AR Technology มาแน่

เทคโนโลยีหลักที่ Facebook จะใช้ เรียกว่า VR หรือ Virtual Reality คือเทคโนโลยีที่สมมติภาพเสมือนจริงในอีกโลกหนึ่ง เช่น การใส่แว่น VR เพื่อเข้าไปมีชีวิตอยู่ในโลกของเกม VR 360 ํ หรือเดินเล่นใน Google Street เป็นต้น ส่วน AR หรือ Augmented Reality ที่อาจจะตามมาเพิ่มเติมภายหลัง เพื่อให้ Metaverse สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ซึ่งบริษัท Meta ก็ได้เปิดเผยคร่าวๆ ว่าในอนาคตวิธีการเข้าสู่โลก Metaverse สามารถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์แว่นตา Oculus VR โดยปัจจุบันราคาอยู่ประมาณหลักหมื่น ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่า Meta มีแผนจะทำให้อุปกรณ์ราคาเข้าถึงได้มากกว่านี้ไหม รวมถึงแว่นตา AR และอุปกรณ์สมาร์โฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต

สุดท้ายนี้ขอฝากประโยคที่ Mark Zuckerberg ได้กล่าวไว้อย่างน่าติดตามว่า “Metaverse จะนำไปสู่ โลกอินเตอร์เน็ตยุคถัดไป และเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของบริษัท” และยังบอกอีกว่า “เขาตั้งใจจะสร้างประสบการณ์และโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมาทั้งหมด” ต้องรอดูกันต่อไปว่า พวกเราจะได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือน Metaverse ของพี่ Mark เมื่อไหร่ กดติดตามเพจเราไว้ หากมีอัปเดตอะไรใหม่ๆ จะรีบนำมาแบ่งปันทุกคนทันที

Source : 1 2

สามารถติดตามความรู้และคอร์สเรียนที่น่าสนใจจาก True Digital Academy ได้ทุกช่องทาง
Website – https://bit.ly/3e9QZPw
Facebook – https://bit.ly/391XSkF
LinkedIn – https://bit.ly/3p7x08V
Instagram – https://bit.ly/2LwX5Ra

Home

Blogs

tag

metaverse

‘Metaverse’ คืออะไร!? ทำไม Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta