ถ้าคุณเป็นนักการตลาดที่ยังยังใช้กลยุทธ์โซเชียลเหมือนปีที่แล้ว… ปีหน้าอาจไม่รอด!

ครึ่งปีแรกของปี 2568 โลกโซเชียลเต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรงและพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เปลี่ยนเร็วเกินคาด ข้อมูลจาก Wisesight ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Instagram, TikTok, YouTube และ X ต่างก็มีบทบาทใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน

นักการตลาดในยุคนี้จึงต้องปรับมุมมองและกลยุทธ์ใหม่ “เลิกโพสต์ทุกที่” แล้วหันมาวิเคราะห์ว่า แพลตฟอร์มไหนเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกตัวเลขจริงของคอนเทนต์, Engagement และอิทธิพลของ Influencer พร้อมแนวทางการปรับตัวเพื่อรับมือกับเทรนด์ที่จะเปลี่ยนไปในปีหน้า

Insight ภาพรวมข้อมูลโซเชียลครึ่งปีแรกของปี 2568

อ้างอิงจากรายงาน Wisesight จากงาน Marketing Conference 2025

จำนวนคอนเทนต์ (Content by Platform)
รวมคอนเทนต์ทั้งหมด: 823K ชิ้น
▪️Facebook: 450K (55%)
▪️Instagram: 186K (23%)
▪️TikTok: 91K (11%)
▪️X (Twitter): 66K (8%)
▪️YouTube: 30K (3%)

🎯 Insight: Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีคอนเทนต์มากที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่า “จะได้ผลดีที่สุด”

จำนวนการมีส่วนร่วม (Engagement by Platform)
รวมทั้งหมด: 736M Engagement
▪️TikTok: 282M (38%)
▪️Facebook: 200M (27%)
▪️Instagram: 160M (22%)
▪️X (Twitter): 73M (10%)
▪️YouTube: 22M (3%)

🎯 Insight: TikTok กวาด Engagement มากที่สุด แม้จำนวนคอนเทนต์จะน้อยกว่าครึ่งของ Facebook

รีวิวการมีส่วนร่วมของ Influencer
ข้อมูลจาก Wisesight Influencer Directory จาก 50,000 บัญชี ระบุว่า อินฟลูเอนเซอร์ที่สามารถโปรโมตแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพควรมีจำนวนผู้ติดตาม (Follower) ขั้นต่ำดังนี้

▪️Facebook: 75,000
▪️Instagram: 10,600
▪️TikTok: 20,500
▪️YouTube: 18,300

📊 เกณฑ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มมี “อัตราอิทธิพล” ต่อผู้ชมไม่เท่ากัน บางที่เน้น Reach, บางที่เน้น Engagement Rate

วิเคราะห์ภาพรวมโซเชียลมีเดียครึ่งปีแรก 2568

1. Facebook: ยังครองฐานผู้ติดตามสูงสุด
Facebook ผลิตคอนเทนต์มากที่สุด (55%) แต่ Engagement กลับอยู่เพียง 27% เท่านั้น

นักการตลาดจำนวนมากยังใช้ Facebook เป็น “ศูนย์กลางของคอนเทนต์” แต่ต้องเผชิญกับปัญหา Content Saturation หรือ “คอนเทนต์ล้นเกิน”

และจาก ตัวเลข Influencer ที่มีผู้ติดตาม 75,000 แสดงให้เห็นว่า Facebook ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ต้องใช้ฐานผู้ติดตามมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นในการสร้างอิทธิพล

💡 Facebook เหมาะกับแคมเปญแบบ Mass Reach แต่ต้องใช้กลยุทธ์ Content ที่เฉียบกว่าที่เคย

2. Instagram: Micro Influencer กำลังขึ้นแท่น
Instagram มีความสมดุลระหว่างจำนวนคอนเทนต์และ Engagement (23% ต่อ 22%) โดยอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามเพียง 10,600 คน ก็สามารถสร้างอิทธิพลได้ในตลาดเฉพาะกลุ่มได้ โดยเฉพาะในสายแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และคอนเทนต์ภาพ และให้ความสำคัญกับ Engagement rate (การมีส่วนร่วมต่อโพสต์) มากกว่าปริมาณผู้ติดตาม

💡 Instagram คือพื้นที่ของภาพลักษณ์ ความสวยงาม และ Lifestyle ที่สร้าง Trust ได้ดีในกลุ่มเฉพาะ

3. TikTok: “น้อยแต่แรง” เติบโตต่อเนื่องในเชิง Engagement
TikTok ผลิตคอนเทนต์เพียง 11% แต่กวาด Engagement ไปถึง 38% ด้วยลักษณะวิดีโอสั้น แชร์ง่าย ตอบโจทย์การเข้าถึงแบบรวดเร็ว จึงเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการสร้าง Awareness ในต้นทุนต่ำ

💡 ไวรัลคือพลัง และความจริงคือ TikTok ไม่ต้องมีผู้ติดตามหลักแสน ก็สามารถสร้างอิทธิพลได้ แบรนด์ควรมองให้เป็นช่องทางการสร้าง awareness ที่เร็วและต้นทุนต่ำ

4. YouTube: คอนเทนต์น้อย แต่เน้นคุณภาพ
แม้จะมีคอนเทนต์น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่นเพียง 30K แต่ยังสร้าง Engagement ได้ถึง 22M เน้นที่เนื้อหาเชิงลึก (long-form content) จะสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ระยะยาว

💡 YouTube คือสนามของเนื้อหาเชิงลึก (Long-form Content) ผู้ชมมีแนวโน้ม “ฟังจนจบ” มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ทำให้แบรนด์ควรใช้ที่นี่ในการเล่าเรื่อง สร้างความรู้ และสร้าง Brand Trust ระยะยาว

5. X (Twitter): พื้นที่ของกระแสสังคมและความคิด
แม้จะมีคอนเทนต์เพียง 8% แต่ X ยังสร้าง Engagement ได้ถึง 10%

💡 X คือแพลตฟอร์มของ Real-time Marketing ข่าวสาร กระแสสังคม หรือการสื่อสารทันเหตุการณ์ยังเป็นจุดแข็งที่ไม่มีใครแทนได้

Platform	จุดแข็ง	เหมาะกับ
Facebook	Mass Platform / Reach กว้าง แต่การแข่งขันสูง	Awareness, Community, Brand Presence
Instagram	เน้นสร้างภาพลักษณ์และแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม	Lifestyle, Influencer Marketing
TikTok	Engagement สูงสุด ไวรัลไว / Awareness เร็ว / ปฏิสัมพันธ์สูง	แคมเปญไวรัล, Awareness
YouTube	สร้าง Trust & Knowledge / คอนเทนต์เชิงลึก น่าเชื่อถือ	Education, Review, Long-form
X (Twitter)	Real-time, กระแสสังคม และเฉพาะกลุ่ม	ข่าวสาร, Event, Crisis Communication

ในปี 2569 นักการตลาดที่เข้าใจ “Insight ของแต่ละแพลตฟอร์ม” จะได้เปรียบกว่าการยิงคอนเทนต์แบบหว่าน เพราะในยุคที่คอนเทนต์มากเกินไป คนที่เข้าใจผู้ชมเท่านั้นที่จะชนะ

บทสรุปสุดท้าย

ปี 2568-2569 จะไม่ใช่การแข่งขันว่าใครโพสต์เยอะที่สุด แต่คือใคร “เข้าใจผู้ชม” และ “ใช้แพลตฟอร์มได้ถูกจังหวะที่สุด”

แบรนด์ที่เรียนรู้จาก Insight เหล่านี้ จะสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ และวัดผลได้จริงในยุคที่โซเชียลขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

———-
📌 สนใจ Corporate In-House Training ยกระดับทักษะองค์กรด้วย AI-People Enablement Solutions
ติดต่อ [email protected]
หรือโทร 082-297-9915 (คุณโรส)